tag:blogger.com,1999:blog-84226675115306019382024-03-12T20:24:53.325-07:00mobilephone-manmanmenmenhttp://www.blogger.com/profile/14189001714462630629noreply@blogger.comBlogger33125tag:blogger.com,1999:blog-8422667511530601938.post-37881028241729684452023-09-11T18:20:00.000-07:002023-09-11T18:20:34.872-07:00ปริศนาการหายตัวไปของ หลุยส์ เลอ แปรงซ์ ผู้สร้างกล้องบันทึกภาพเคลื่อนไหวเป็นคนแรกของโลก<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<div dir="ltr">
นักประดิษฐ์ที่โลกลืม! ปริศนาการหายตัวไปของ ‘หลุยส์ เลอ แปรงซ์’ ผู้สร้างกล้องบันทึกภาพเคลื่อนไหวเป็นคนแรกของโลก</div>
<div dir="ltr">
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhX4z1fJ9GBXiNxP9N_xfzpu2_V0PBrR5oiFAh-qfYdz_YDGrQ03gB9jCIUOc7COtyAvo6EdHyQb6NoV7ZE58zP1hWfXCp2Xvd3nIAAHY0ikB8MupoTeKBHgjg-bYK_84A9pTcu1-HmEBg/s1600/20171208_130717.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"> <img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhX4z1fJ9GBXiNxP9N_xfzpu2_V0PBrR5oiFAh-qfYdz_YDGrQ03gB9jCIUOc7COtyAvo6EdHyQb6NoV7ZE58zP1hWfXCp2Xvd3nIAAHY0ikB8MupoTeKBHgjg-bYK_84A9pTcu1-HmEBg/s400/20171208_130717.jpg" width="225"> </a> </div>
หากเอ่ยถึง ‘นักประดิษฐ์’ ชื่อดังก้องโลก หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อของ ‘โทมัส อัลวา เอดิสัน’ (Thomas Alva Edison) รวมอยู่ด้วยเป็นแน่ หลายคนมักจะเข้าใจผิดคิดว่านักประดิษฐ์ท่านนี้คือผู้คิดค้นหลอดไฟเป็นคนแรกของโลก แต่ความจริงแล้วเอดิสันหาได้เป็นผู้คิดค้นหลอดไฟไม่! เอดิสันคือบุคคลแรกที่จด ‘สิทธิบัตร’ ในการประดิษฐ์หลอดไฟ ซึ่งเขาได้นำหลอดไฟที่คิดค้นโดยนักวิทยาศาสตร์หลายคนมาพัฒนาและต่อยอดอีกทีนั่นเอง นอกจากนั้นยังมีคนอีกมากที่คิดว่า ‘โทมัส อัลวา เอดิสัน’ คือผู้ประดิษฐ์ ‘กล้องบันทึกภาพเคลื่อนไหว’ เครื่องแรกของโลก </div>
<div dir="ltr">
<br></div>
<div dir="ltr">
ทว่าความจริงแล้วผู้ที่คิดค้นและสร้างกล้องชนิดดังกล่าวขึ้นมา </div>
<div dir="ltr">
คือนักประดิษฐ์ท่านนี้ต่างหาก</div>
<div dir="ltr">
<br>
‘หลุยส์ เลอ แปรงซ์’ (Louis Le Prince) นักประดิษฐ์ผู้คิดค้นกล้องที่ใช้สำหรับบันทึกภาพเคลื่อนไหวขึ้นเป็นคนแรก นักประดิษฐ์ท่านนี้เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1841 ที่เมืองเม็ตซ์ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศฝรั่งเศส ก่อนจะย้ายถิ่นฐานมาอาศัยอยู่ที่เมืองลีดส์ ประเทศอังกฤษ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1866 แรกเริ่มเดิมที่เขายึดอาชีพเป็นจิตรกรและช่างภาพหาเลี้ยงชีพ แต่ด้วยใจรักในการประดิษฐ์เขาเลยเริ่มคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ มากมาย </div>
<div dir="ltr">
หนึ่งในนั้นก็คือ ‘กล้องบันทึกภาพเคลื่อนไหว’ </div>
<div dir="ltr">
<br></div>
<div dir="ltr">
โดยในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1888 หลุยส์สามารถประดิษฐ์กล้องชนิดนี้ได้สำเร็จ กล้องของเขาทำมาจากไม้มะฮอกกานีมีลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยม ด้านในเต็มไปด้วยเครื่องยนต์กลไกต่างๆ มีที่สำหรับบรรจุแผ่นฟิล์มและใช้เลนส์ถ่ายภาพแบบเลนส์เดียว</div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg7BLGrbt-oceblgDOnW4oArpi9ZeR-iiKstBgzfsEN-nynBmIdtuICBCtibo682CcJn1xovamplYMLFAtDkrapl5syfldF4Apf-y2Im5VqBPsSzzi-FGLpmj4G4tEh9RyNg5hFDUVUYkM/s1600/200px-Le-prince-type-1-cine-camera-projector-mk2-1888-interior.png" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg7BLGrbt-oceblgDOnW4oArpi9ZeR-iiKstBgzfsEN-nynBmIdtuICBCtibo682CcJn1xovamplYMLFAtDkrapl5syfldF4Apf-y2Im5VqBPsSzzi-FGLpmj4G4tEh9RyNg5hFDUVUYkM/s400/200px-Le-prince-type-1-cine-camera-projector-mk2-1888-interior.png" width="268"> </a> </div>
<br>
<div dir="ltr">
ต่อมาในปี ค.ศ. 1890 หลุยส์ก็ออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังมหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เพื่อจดสิทธิบัตรและเผยแพร่ผลงานสิ่งประดิษฐ์ของตัวเองให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาชาวโลก ทว่าระหว่างการเดินทางด้วยรถไฟจากเมืองดิฌงมายังกรุงปารีส เขากลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย! เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบเพื่อหาหลักฐานก็ไม่พบเบาะแสอะไรเลย ห้องที่เขาพักบนรถไฟก็ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ </div>
<div dir="ltr">
<br></div>
<div dir="ltr">
ในตอนแรกครอบครัวเชื่อว่าหลุยส์น่าจะฆ่าตัวตาย แต่ก็ไม่มีน้ำหนักมากพอให้เป็นเช่นนั้น เพราะเขากำลังเดินทางไปจัดแสดงผลงานที่ตัวเองภาคภูมิใจ บ้างก็เชื่อว่าหลุยส์อาจถูกฆ่าชิงทรัพย์แล้วคนร้ายก็เผาทำลายศพจนไม่เหลือซาก เพราะทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ ที่เขาพกติดตัวมาด้วยหายไป</div><div dir="ltr"><br></div><div dir="ltr"><div class="separator" style="text-align: center; clear: both;">
<iframe width="932" height="888" src="https://www.youtube.com/embed/HbJZvtUQvGI" title=""Accordion Player" (Louis Le Prince, 1888)" frameborder="0" allow="accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen=""></iframe>
</div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
(Louis Le Prince) </div>
<div style="text-align: center;">
<br></div>
</div>
<div dir="ltr">
ทว่า มีคนอีกมากที่เชื่อว่า ‘โทมัส แอลวา เอดิสัน’ อาจมีส่วนรู้เห็นกับการหายตัวไปของ ‘หลุยส์ เลอ แปรงซ์’ เพราะในขณะนั้นเอดิสันก็กำลังคิดค้นกล้องบันทึกภาพเคลื่อนไหวอยู่เช่นกันและเขาก็ไม่อยากให้หลุยส์ชิงตัดหน้าจดสิทธิบัตรเสียก่อน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นนี่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน การหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยพร้อมเอกสารสำคัญหลายอย่างของ ‘หลุยส์ เลอ แปรงซ์’ นักประดิษฐ์ผู้คิดค้นกล้องบันทึกภาพเคลื่อนไหวที่ต่อมากล้องชนิดนี้ได้รับการพัฒนาจนนำไปสู่การสร้างภาพยนตร์ให้คนรุ่นหลังได้ตื่นตาตื่นใจ ยังคงเป็นปริศนาจวบจนปัจจุบัน</div><div dir="ltr"><br></div>
<div dir="ltr">
</div><script async="" src="https://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js?client=ca-pub-3134526468117619" crossorigin="anonymous"></script>
</div>
menmenhttp://www.blogger.com/profile/14189001714462630629noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-8422667511530601938.post-9538013672151977562023-09-11T17:24:00.000-07:002023-09-11T17:24:18.444-07:00Time Traveler in 1938 film (cell phone in 1938)<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><div class="separator" style="clear: both;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjQn48LBAQ7iFjzvSK9B04KeJOQDh2W2yZdzE4Rt9twASSFpBM370LsGNMCDmmJON3C96PmHuhm2dius9ZKaAVF7alOogonmM8OTP6_zVdCEgpR8rRcWOw2p7O-xH9EM4H9TxddDjovheE/s1600/IMG_ORG_1694477953528.jpeg" imageanchor="1"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjQn48LBAQ7iFjzvSK9B04KeJOQDh2W2yZdzE4Rt9twASSFpBM370LsGNMCDmmJON3C96PmHuhm2dius9ZKaAVF7alOogonmM8OTP6_zVdCEgpR8rRcWOw2p7O-xH9EM4H9TxddDjovheE/s1600/IMG_ORG_1694477953528.jpeg" alt="" width="640" height="230" data-original-width="964" data-original-height="347"></a></div><br><script async src="https://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js?client=ca-pub-3134526468117619"
crossorigin="anonymous"></script>
<!-- Newman1 -->
<ins class="adsbygoogle"
style="display:block"
data-ad-client="ca-pub-3134526468117619"
data-ad-slot="5548028276"
data-ad-format="auto"
data-full-width-responsive="true"></ins>
<script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><u style="text-align: left;">โผล่มาให้ถกอีกคลิปผ่านวิดีโอภาพขาวดำ สมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง</u><br></div>
<u>ปรากฏภาพเคลื่อนไหวของหญิงสาวนิรนามรายหนึ่งขณะกำลังพูดคุยผ่านโทรศัพท์มือถือ</u><br>
ชาวเน็ต เชื่อเป็นการย้อนเวลากลับไปสู่อดีตจากวิดีโอ "Time Traveler in 1938 film" ความยาว 1.05 นาที ที่ถูกนำออกมาเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ยูทูปได้สร้างประเด็นถกเถียงให้กับชาวออนไลน์เป็นอย่างมาก<br>
เพราะภายในวิดีโอดังกล่าวปรากฏเป็นภาพเคลื่อนไหวของหญิงสาวนิรนาม รายหนึ่งขณะกำลังเดินอยู่กับกลุ่มเพื่อนของเธอและทำท่าทางคล้ายกับกำลังพูดคุยผ่านโทรศัพท์มือถือ<br>
หลังจากที่คลิปนี้ถูกนำออกมาเผยแพร่ ได้มีคนออกมากล่าวอ้างว่าหญิงสาวในคลิป คือย่าทวดของเขาเองและกำลังคุยโทรศัพท์เพื่อติดต่อกับนักวิทยาศาสตร์ของโครงการทดลองอยู่จริงๆอย่างไรก็ตาม<br>
เรื่องนี้ยังคงต้องได้รับการพิสูจน์ต่อไปว่าเท็จจริงแล้วเป็นอย่างไรกันแน่<br>
เพราะล่าสุดก็มีคนออกมาโพสต์โต้ตอบว่าเขารู้จักกับบุคคลที่ทำงานอยู่ช่วงในเวลาดังกล่าวเหมือนกันและจะขอตรวจสอบดูว่าชายที่ออกมาอ้างตัวว่าเป็นญาติกับหญิงสาวในคลิปพูดจริงหรือไม่<br>
<br>
<b>ข้อมูลเพิ่มเติม</b><br>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><div class="separator" style="clear: both;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhGfeDqRZI_gW-ACFS83jHBIlUoSbORiCVDjWM0F5aF8ZKfaVxkRQXR6zJD7E6t8_Oq2QNIDuiWEBpbHX8yVyQ_CJzfWDqIUNGspDgWAYmLrCpB_Aldm2x5yKOAJvpI53H4gS8u-4t8Puo/s1600/IMG_ORG_1694478012077.jpeg" imageanchor="1"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhGfeDqRZI_gW-ACFS83jHBIlUoSbORiCVDjWM0F5aF8ZKfaVxkRQXR6zJD7E6t8_Oq2QNIDuiWEBpbHX8yVyQ_CJzfWDqIUNGspDgWAYmLrCpB_Aldm2x5yKOAJvpI53H4gS8u-4t8Puo/s1600/IMG_ORG_1694478012077.jpeg" alt="" width="640" height="426" data-original-width="726" data-original-height="484"></a></div><br></div>
<b>Time Traveler in 1938 film</b> caught talking on a <b>cell phone in 1938</b> coming out of a Dupont Factory in Massachusetts.<br>
<br>
Black and white footage of a young female chatting into a wireless handset - said to have been filmed at a factory in the United States in the 30s - has attracted over 300,000 plays on Youtube.But in recent days a user called 'planetcheck' has come forward, claiming to have solved the mystery.<br>
Planetcheck said: 'The lady you see is my great grandmother Gertrude Jones.'<br>
<br>
'She was 17 years old. I asked her about this video and she remembers it quite clearly. She says Dupont had a telephone communications section in the factory.'<br>
'They were experimenting with wireless telephones. Gertrude and five other women were given these wireless phones to test out for a week.'<br>
'Gertrude is talking to one of the scientists holding another wireless phone who is off to her right as she walks by.' So far there has been no independent verification of planetcheck's post, but another YouTube user who says he knows someone else who worked at the factory has vowed to make further inquiries....<br>
<br>
<iframe width="332" height="324" src="https://www.youtube.com/embed/Vwy6gSs-ljA" title="Time Travelers in 1928 and 1938 film caught talking on a cell phone" frameborder="0" allow="accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen=""></iframe>
</object><br>
<b>เรียบเรียงข้อมูลเพิ่มเติมโดย menmen</b></div>
<!-- Blogger automated replacement: "http://images-onepick-opensocial.googleusercontent.com/gadgets/proxy?container=onepick&gadget=a&rewriteMime=image%2F*&url=http%3A%2F%2F3.bp.blogspot.com%2F-zvWv6yqSBcc%2FUWQTnr1CJNI%2FAAAAAAAAKkE%2Ffkgq9OjGd_U%2Fs1600%2Farticle-2301996-19075AF7000005DC-481_964x347%2B%2525281%252529.jpg" with "https://3.bp.blogspot.com/-zvWv6yqSBcc/UWQTnr1CJNI/AAAAAAAAKkE/fkgq9OjGd_U/s1600/article-2301996-19075AF7000005DC-481_964x347+%25281%2529.jpg" -->menmenhttp://www.blogger.com/profile/14189001714462630629noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-8422667511530601938.post-79996554036116881912023-09-11T17:11:00.000-07:002023-09-11T17:11:21.228-07:00เปิด!!!! ตำนานมือถือเครื่องแรก
<div dir="ltr"><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiZ62NdYZUD912RrFZgdALIyczVptsiSCMquGnPw-FUajplVBvJGly_apVqe-JGzAjcMgi3BdN1YDwbT4iqY89KtC8A_HOhkMtUL5YrhOM1yWoh522fEPdr2jmFfmEHDtNdPtxTgnBlmto/s1600/IMG_ORG_1694477434572.jpeg" imageanchor="1"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiZ62NdYZUD912RrFZgdALIyczVptsiSCMquGnPw-FUajplVBvJGly_apVqe-JGzAjcMgi3BdN1YDwbT4iqY89KtC8A_HOhkMtUL5YrhOM1yWoh522fEPdr2jmFfmEHDtNdPtxTgnBlmto/s1600/IMG_ORG_1694477434572.jpeg" alt="" width="640" height="640" data-original-width="1080" data-original-height="1080"></a></div><br><script async src="https://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js?client=ca-pub-3134526468117619"
crossorigin="anonymous"></script>
</div><div dir="ltr">
ใครนะช่างประดิษฐ์ผู้ประดิษฐ์มือถือเครื่องแรกของโลกโทรศัพท์เคลื่อนที่เครื่องแรกถูกผลิตและออกแสดงในปี ค.ศ.1973 โดย มาร์ติน คูเปอร์ (Martin Cooper) นักประดิษฐ์จากบริษัทโมโตโรลาเป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักประมาณ<br>
1.1 กิโลกรัม ปัจจุบันจำนวนผู้ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่วโลก</div>
<div dir="ltr">
<br></div>
<div dir="ltr">
ย้อนกลับไปเมื่อปี ค.ศ. 1973เขาเป็นวิศวกรอยู่</div>
<div dir="ltr">
ที่บริษัทโมโตโรล่า และห้องแล็ปของเขาก็สร้างนวัตกรรมให้กับมวลมนุษยชาติ นั่นคือ การเปิดตัวโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้เป็นรายแรกของโลกเพราะในใจของเขารู้ดีว่าคนเราต้องการการสื่อสาร และการสื่อสารไม่เคยหยุดอยู่กับที ฉะนั้นคนไปที่ไหน ก็ต้องสื่อสารได้ตลอด และการสื่อสารนั้นยังต้องการความเป็นส่วนตัวด้วยและสิ่งที่น่าคิดคือ ในวันก่อนที่เขาจะโชว์มือถือหนักกว่า 3 กิโลกกรัมต่อสายตาชาวโลกนั้น คนทั่วโลกยังรู้จักแต่ชื่อ “โทรศัพท์ติดรถยนต์ (Carphone)” ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายเมื่อสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่สอง โดยเครื่องโทรศัพท์ได้ถูกพัฒนาให้ไปติดที่รถ ใช้กับแพทย์ หรือ บริการส่งสินค้าตามบ้านเขายืนทดลองโทรศัพท์จากมือถือเครื่องแรกที่ถนนสายที่ 6 หน้าโรงแรมฮิลตัน ใจกลางเมืองนิวยอร์ก และคนแรกที่เขาโทรหาก็คือ “โจ แองเกิล” วิศวกรคู่แข่งที่บริษัท AT&T โดยเขาพูดสั้นๆ ว่าโทรมาจากมือถือ โทรศัพท์ที่ใช้มือถือจริงๆ ต่อจากนั้นก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากปลายสายเลย จากนั้นเขายังเดินยกมือถือคุยต่อไป โดยที่ไม่รู้ตัวว่ากำลังข้ามถนนอยู่ ซึ่งเพื่อนของเขาก็ดึงตัวเอาไว้ ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดกับเขาคนแรก แต่วันนี้ผู้คนทั่วโลกก็ได้รับประสบการณ์นี้อย่างเคยชินไปแล้ว<br>
<br></div>
<div dir="ltr">
<span style="color: black;">
<script type="text/javascript">// <![CDATA[
google_ad_client = "pub-3134526468117619";
/* 336x280, ถูกสร้างขึ้นแล้ว 3/10/10 */
google_ad_slot = "7534954008";
google_ad_width = 336;
google_ad_height = 280;
// ]]></script>
<script src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type="text/javascript">
</script>
</span></div>
<br>
<div dir="ltr">
ต่อจากนั้นมา เขาก็ได้เปิดตัวมือถือต้นแบบต่อหน้าสื่อมวลชน เมื่อสื่อทดลองใช้ โดยโทรไปต่างประเทศ ก็ต้องตกตะลึงว่าทำไมสิ่งของเครื่องเล็กๆ ไร้สาย แต่สามารถโทรข้ามโลกใบใหญ่ๆ ของเราได้<span style="font-family: sans-serif; text-align: center;">ระหว่างงาน 2007 International Consumer Electronics Show เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2007</span><span style="font-family: sans-serif; text-align: center;">รู้หรือไม่ว่าโทรศัพท์มือถือรุ่นแรกของโลกถูกปร</span><span style="font-family: sans-serif; text-align: center;">ะเดิมจำหน่ายแก่สาธารณชนในวันที่ 13 มีนาคม 1984 ตามเวลาในสหรัฐฯ (ตรงกับวันที่ 14 มีนาคม 2527 ในประเทศไทย) โดยวันนี้เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ชาวอเมริกันรายหนึ่งควักกระเป๋าซื้อ Motorola DynaTAC 8000X ด้วยราคา 3,995 เหรียญสหรัฐ ซึ่งหากคำนวณค่า</span><span style="font-family: sans-serif; text-align: center;">เงินดอลลาร์สหรัฐในปัจจุบันจะพบว่าโทรศัพท์มือถ</span><span style="font-family: sans-serif; text-align: center;">ือรุ่นแรกของโลกมีมูลค่ามากกว่า 1.3 แสนบาท</span></div>
<div dir="ltr">
<span style="font-family: sans-serif; text-align: center;">น่าเสียดายที่ไม่พบข้อมูลว่าใครคือลูกค้ารายแรกที่ซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่น Motorola DynaTAC 8000Xไป</span><span style="font-family: sans-serif; text-align: center;">ใช้งานในครั้งนั้น โดยข้อมูลเบื้องต้นระบุว่าเป็นการซื้อเครื่องในเขตชิคาโก บัลติมอร์ หรือวอชิงตันย้อนอดีต โทรศัพท์มือถือรุ่นแรกเคาะขายที่ 1.3 แสนบาทเมื่อ 30 ปีที่แล้วรูปแบบงานโฆษณาของ Motorola DynaTAC8000X</span></div>
<div dir="ltr">
<span style="font-family: sans-serif; text-align: center;"><br></span></div>
<div dir="ltr">
<span style="font-family: sans-serif; text-align: center;">การมือโทรศัพท์มือถือไว้ครอบครองในยุคนั้นถูกมองว่าเป็นเพียงเครื่องเสริมภาพลักษณ์สุดเจ๋ง ของเล่นคนรวยชิ้</span><span style="font-family: sans-serif; text-align: center;">นนี้สามารถทำให้เจ้าของเรียกความสนใจจากคนรอบข้างได้ดี โดย Motorola DynaTAC 8000X มีขนาด 13 x 1.75 x 3.5 นิ้ว น้ำหนักเครื่อง 28 ออนซ์ ซึ่งความใหญ่โตและน้ำหนักระดับนี้ทำให้ผู้พัฒนา 8000X แอบตั้งชื่อเรียกโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ว่า "The Brick" หรือก้อนอิฐชิ้นโต</span></div>
<div dir="ltr">
<span style="font-family: sans-serif; text-align: center;"><br></span></div>
<div dir="ltr">
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg0CVyF69qmWJkKCyBpOdgbzZ7Z-rq6wdjzYJJxT8TfENGS7sAEEV6VHSxkkGdAKVs6Lrf-XjbTBC-gcHe9j_rPyX_nmp4XMAz_syYShnBAyO0Zt2k7mDGCVqn3ygqQryj6CW0UakFWc_k/s1600/11204967_378542615675880_6832542437588884460_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><img border="0" height="225" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg0CVyF69qmWJkKCyBpOdgbzZ7Z-rq6wdjzYJJxT8TfENGS7sAEEV6VHSxkkGdAKVs6Lrf-XjbTBC-gcHe9j_rPyX_nmp4XMAz_syYShnBAyO0Zt2k7mDGCVqn3ygqQryj6CW0UakFWc_k/s400/11204967_378542615675880_6832542437588884460_n.jpg" width="400"></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br></td></tr>
</tbody></table>
</div>
<div dir="ltr">
<span style="text-align: center;">เอ็ด แซนเดอร์ (Ed Zander) ประธานและซีอีโอโมโตโรลา (Motorola Inc.) โชว์ตัว Motorola DynaTAC 8000 ที่ถูกเปิดตลาดอย่างเป็นทางการเมื่อ 30 ปีที่แล้ว</span></div>
<div dir="ltr">
<span style="text-align: center;"><br></span></div>
<div dir="ltr">
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjU6CG06YZEr1YC9JiAVX2VvJdNHi6UETYlX73YhGRQ4reXLdVZymLrjgpuXXHIE9EMzRpnYveIYE49nYDyVVyctFMLKasLM04EAOoS4UvNqDXVp4GolpqKg2AT9d7zDLLIea8zRfpJfK4/s1600/11703088_378542652342543_7181094146994736131_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><img border="0" height="192" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjU6CG06YZEr1YC9JiAVX2VvJdNHi6UETYlX73YhGRQ4reXLdVZymLrjgpuXXHIE9EMzRpnYveIYE49nYDyVVyctFMLKasLM04EAOoS4UvNqDXVp4GolpqKg2AT9d7zDLLIea8zRfpJfK4/s400/11703088_378542652342543_7181094146994736131_n.jpg" width="400"></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br></td></tr>
</tbody></table>
</div>
<div dir="ltr">
<span style="text-align: center;">Motorola DynaTAC 8000X วางจำหน่ายที่ 3,995 เหรียญสหรัฐในวันที่ 13 มีนาคมเมื่อ 30 ปีที่แล้ว</span></div>
<div dir="ltr">
<span style="text-align: center;"><br></span></div>
<div dir="ltr">
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhY1AHKkxght3lqpbKxug8BlPG3d_jyqCuS8Hp3OBiohoJc4HH1CYrgpQkHuBPfIOaaAghIlLCWFvHX_CspD7k_mqotG_OXGV8FHdv9Gv8fGNYmFL7escrsGTFp3MG553kpjQbyIVnZKk8/s1600/11745593_378542675675874_7054624262663136285_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhY1AHKkxght3lqpbKxug8BlPG3d_jyqCuS8Hp3OBiohoJc4HH1CYrgpQkHuBPfIOaaAghIlLCWFvHX_CspD7k_mqotG_OXGV8FHdv9Gv8fGNYmFL7escrsGTFp3MG553kpjQbyIVnZKk8/s400/11745593_378542675675874_7054624262663136285_n.jpg" width="286"></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br></td></tr>
</tbody></table>
</div>
<div dir="ltr">
<span style="text-align: center;">ของเล่นคนรวยในยุค 80แน่นอนว่า MotorolaDynaTAC 8000X ไม่ได้มาพร้อมเวลาใช้งานมาราธอนเหมือนสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน โดยผู้ใช้สามารถคุยโทรศัพท์ได้ราวครึ่งชั่วโมงเท่านั้นต่อการ</span></div>
<div dir="ltr">
<span style="text-align: center;">ชาร์จแบตเตอรี่ 1 ครั้งในมุมของราคา การที่MotorolaDynaTAC 8000X วางจำหน่ายที่ 3,995 เหรียญสหรัฐนั้นถือว่าสูงมากเมือเทียบกับค่าครองชีพ</span></div>
<div dir="ltr">
<span style="text-align: center;">ในยุคนั้น โดยมูลค่านี้คิดเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งเมื่อเทียบกับรายได้เฉลี่ยต่อปีของชาวสหรัฐฯ ในปี 2014 ที่มีมูลค่า 9,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2.9 แสนบาท</span></div>
menmenhttp://www.blogger.com/profile/14189001714462630629noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-8422667511530601938.post-58326288023741069812017-07-19T19:19:00.001-07:002017-07-20T01:59:33.962-07:00คนตาดีซื้อเครื่อง อีนิกมาของ นาซีจากตลาดนัดแค่ไม่กี่พันบาท แต่ขายต่อได้เป็นล้าน<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td><img border="0" height="377" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhbBAyA_y1QOYlw5OS79GwboCaOP3W2W4CoYzjTBtQcDZ0kaLIMu1HeCwFWueisBwFEj_sAlQmMZcNVCA3vJ0NwCWnK09EVnEQDf0uRqW_xka9s6oOnO3SkcEmM_kFbRbhan_wNObD9cp0/s400/Screenshots_2017-07-20-09-14-43.png" style="margin-left: auto; margin-right: auto;" width="400" /></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="font-size: 27.3486px;"><span style="font-size: small; text-align: left;">อีนิกมา (Enigma) เครื่องเข้ารหัสลับที่นาซีเยอรมัน</span></td></tr>
</tbody></table>
<div dir="ltr">
คนตาดีซื้อเครื่อง “อีนิกมา” ของ “นาซี” จากตลาดนัดแค่ไม่กี่พันบาท แต่ขายต่อได้เป็นล้าน</div>
<div dir="ltr">
(แฟ้มภาพ) เครื่องอีนิกมาซึ่งจัดแสดงที่ Bletchley Park ที่รวมตัวของนักถอดรหัสฝ่ายอังกฤษช่วงสงครามโลกครั้งที่<br />
อีนิกมา (Enigma) เครื่องเข้ารหัสลับที่นาซีเยอรมันใช้ในช่วงก่อนและระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ถือเป็นหนึ่งในของหายากและมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ทั้งในแง่ของสงคราม และวิทยาการ จึงไม่แปลกที่มันจะมีมูลค่าสูง หากผู้ที่ครอบครองรู้ว่ามันคืออะไร</div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
ส่วนคนที่ไม่รู้ก็อาจจะคิดว่ามันแค่พิมพ์ดีดโบราณหน้าตาแปลกๆ และอาจยอมขายมันด้วยราคาไม่คู่ควรกับคุณค่าของมัน เหมือนกรณีล่าสุดที่ ศาสตราจารย์ด้านการเข้ารหัสลับท่านหนึ่งได้ไปพบเครื่องอีนิกมานี้เข้าที่ตลาดนัดแห่งหนึ่งในโรมาเนีย ก่อนที่จะขอซื้อมาได้ด้วยราคาเพียง 100 ยูโร (ราว 3,900 บาท)</div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<center>
<script async="" src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- man11 -->
<ins class="adsbygoogle" data-ad-client="ca-pub-3134526468117619" data-ad-format="auto" data-ad-slot="8129348386" style="display: block;"></ins>
<script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</center>
<div dir="ltr">
แต่เครื่องอีนิกมาเครื่องนี้เมื่อถูกนำไปประมูลขายโดย Artmark บริษัทจัดการประมูล มันก็ถูกตั้งราคาขั้นต้นไว้ที่ 9,000 ยูโร (ราว 3.5 แสนบาท) แล้ว ก่อนจะถูกประมูลไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (11 กรกฎาคม) ด้วยราคาสุดท้ายที่สูงถึง 51,500 ยูโร (ราว 2 ล้านบาท)</div>
<div dir="ltr">
<br />
คริสเตียน กาฟริลา (Christian Gavrila) ผู้จัดการฝ่ายจัดหาของสะสมของ Artmark บอกกับทางรอยเตอร์สว่า “นักสะสมซื้อมัน [เครื่องอีนิกมา] มาจากตลาดนัด เขาเป็นศาสตราจารย์ด้านการเข้ารหัส […] เขารู้เป็นอย่างดีว่าเขากำลังซื้ออะไร”</div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
แม้ว่ามูลค่าที่พวกเขาขายได้จะถือว่าสูงแล้ว และศาสตราจารย์ตาดีก็ทำกำไรไปได้เกินคุ้ม แต่ก็ยังไม่อาจเทียบเคียงได้กับสถิติสูงสุดในการประมูลเครื่องอีนิกมา ซึ่งคริสตีส์ (Christie’s) เพิ่งจัดประมูลไปเมื่อเดือนก่อน โดยผู้ชนะการประมูลต้องจ่ายถึง 547,500 (ราว 21 ล้านบาท)</div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
นอกจากนี้ ด้วยความที่โรมาเนียเป็นพันธมิตรกับนาซีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นักประวัติศาสตร์หลายคนจึงเชื่อว่า เครื่องอีนิกมาที่ยังไม่ถูกค้นพบในประเทศนี้อาจมีอีกเป็นจำนวนพอสมควร</div>
</div>
menmenhttp://www.blogger.com/profile/14189001714462630629noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-8422667511530601938.post-7982041797382656742017-03-31T20:05:00.001-07:002017-07-20T02:03:21.439-07:00อย่าทำเด็ดขาดวางมือถือข้างตัวในขณะหลับ มันอันตรายมากกว่าที่คุณรู้ <div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<div dir="ltr">
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiegS4WDKZb807DGnpE2YR3NSneNXNueltD6VFWfh07w4rC8YJqIpSLwJe9boUspNrYdElgQ-87623wrTlJkpNNtgAwTy1HGM4ZrDyA3aP8F6UwjsQ1lfMB3LW0-BhX6YAXmRBYGo1KQDE/s1600/2d40c7adc.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><img border="0" height="226" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiegS4WDKZb807DGnpE2YR3NSneNXNueltD6VFWfh07w4rC8YJqIpSLwJe9boUspNrYdElgQ-87623wrTlJkpNNtgAwTy1HGM4ZrDyA3aP8F6UwjsQ1lfMB3LW0-BhX6YAXmRBYGo1KQDE/s400/2d40c7adc.jpg" width="400" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
อย่าทำเด็ดขาด!วางมือถือข้างตัวในขณะหลับ มันอันตรายมากกว่าที่คุณรู้ </div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
เพื่อน ๆ คนไหนบ้างที่ติดนิสัยตั้งนาฬิกาปลุกด้วยมือถือ หรือเวลาคุยกับกิ๊กกับแฟนเสร็จในตอนกลางคืนแล้วชอบวางโทรศัพท์ไว้ใกล้ตัว เผื่อตอนเช้าเสียงนาฬิกาปลุกดังหรือมีคนโทรมาจะได้ไม่ต้องลุกหรือเอื้อมมือไกล เรียกว่าเอาความสบายเป็นหลักดีกว่า เชื่อว่าหลายคนคงมีพฤติกรรมที่กล่าวมาข้างต้น เพราะผู้เขียนเองก็จัดเป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน ซึ่งคุณรู้หรือไม่ว่านิสัยติดสบายแบบนี้นี่แหละที่แฝงไว้ด้วยอันตรายที่ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาทำลายสุขภาพโดยที่เราไม่รู้ตัว วันนี้เลยขอนำความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มาฝากกัน</div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
"เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าโทรศัพท์มือถือของเรานั้นมีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดมะเร็ง สังเกตุง่ายๆ จากการคุยติดต่อกันเป็นเวลานานหลายชั่วโมง มักจะมีอาการปวดหู บางครั้งอาจลามไปถึงศีรษะก็มี เคยมีรายงานฉบับหนึ่งได้ระบุถึงอันตรายจากการคุยโทรศัพท์แบบแนบหูว่า การถือโทรศัพท์แนบหูทำให้เกิดการดูดซับพลังงานที่สมองซึ่งปริมาณการดูดซับขึ้นอยู่กับการออกแบบตัวเครื่องและเสาอากาศ ลักษณะการใช้และระดับสัญญาณระหว่างตัวเครื่องและสถานีฐาน ที่สำคัญคือ สมองเด็กจะได้รับคลื่นมากกว่าผู้ใหญ่ 2 เท่า และไขกระดูกของกระโหลกศีรษะเด็กจะได้รับคลื่นมากกว่าผู้ใหญ่ 10 เท่า </div>
<div dir="ltr">
<br />
<center>
<script async="" src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- man11 -->
<ins class="adsbygoogle" data-ad-client="ca-pub-3134526468117619" data-ad-format="auto" data-ad-slot="8129348386" style="display: block;"></ins>
<script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</center>
</div>
<div dir="ltr">
นอกจากนี้ผลการศึกษายังพบว่า กลุ่มที่ใช้โทรศัพท์มากกว่า 1,640 ชั่วโมง จะมีความเสี่ยงมากขึ้นต่อการเป็นมะเร็งสมองชนิด Glioma หรือเนื้องอกในสมองข้างเดียวกับที่ใช้โทรศัพท์ซึ่งเป็นส่วนที่ได้รับคลื่นสูงที่สุด"</div>
<div dir="ltr">
<br />
"ซึ่งจากผลสำรวจของสบท. ที่จัดทำขึ้นร่วมกับมหาวิทยาลัยอัญสัมชัญหรือเอแบคโพลพบว่า คนไทยมีพฤติกรรมที่ความเสี่ยงต่อการได้รับคลื่นสัญญาณนอกจากการใช้งาน พบว่า ร้อยละ 64.5 นิยมวางโทรศัพท์เคลื่อนที่ไว้ที่หัวเตียงพร้อมกับเปิดเครื่องไว้ในเวลานอน ร้อยละ 41.6 ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงหรือกระเป๋ากระโปรง และร้อยละ 23.7 นิยมใส่ไว้ในกระเป๋าพกพา"</div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
จากผลสำรวจดังกล่าวทำให้เราเห็นว่า คนส่วนใหญ่มักวางโทรศัพท์มือถือเอาไว้ใกล้ตัวขณะนอนหลับโดยไม่ปิดเครื่อง มิหน่ำซ้ำบางคนยังชาร์ทแบตไว้ใกล้ตัวด้วย ฉะนั้นทางออกที่ดีที่สุดคือการปิดเครื่องแล้ววางให้ห่างจากตัว แต่หากมีความจำเป็นที่ไม่สามารถปิดเครื่องได้ก็ควรวางโทรศัพท์ให้ห่างจากเตียงนอนในระยะหนึ่ง เพื่อลดความเสี่ยงในการได้รับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเกินความจำเป็น</div>
</div>
menmenhttp://www.blogger.com/profile/14189001714462630629noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-8422667511530601938.post-14618075481333790122016-09-02T19:03:00.001-07:002016-09-02T19:03:14.903-07:00นักวิทย์ค้นพบวิธีการโหลดความรู้เข้าสมองมนุษย์โดยตรง<p dir="ltr">สุดล้ำ! นักวิทย์ค้นพบวิธีการโหลดความรู้เข้าสมองมนุษย์โดยตรง!!</p>
<p dir="ltr">ถ้าใครเคยดูหนังเรื่อง The Matrix คงจะจำกันได้ว่าพระเอกของเราสามารถเรียนรู้กังฟูได้ในเวลาชั่วพริบตาด้วยการโหลดเอาความรู้วิชากังฟูเข้าสู่สมอง ถึงแม้วิธีดังกล่าวจะฟังดูแฟนตาซีเกินจริงอยู่มาก แต่ในตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ก็ค้นพบวิธีที่ใกล้เคียงกับในหนังแล้ว </p>
<p dir="ltr">นักวิจัยจากห้องทดลอง HRL ในแคลิฟอร์เนียกล่าวว่าพวกเขาได้ค้นพบวิธีที่จะทำให้การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆรวดเร็วขึ้น พวกเขาได้ทำการศึกษาคลื่นไฟฟ้าในสมองของนักบินฝึกหัดที่กำลังเรียนรู้การขับเครื่องบินผ่านโปรแกรมจำลองการบิน หลังจากนั้นก็ป้อนข้อมูลเข้าไปในสมองของพวกเขา ผลปรากฎว่านักบินฝึกหัดที่ได้รับการกระตุ้นด้วยวิธีดังกล่าวสามารถเรียนรู้การขับเครื่องบินได้ดีขึ้น 33% เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับการกระตุ้น ภายในระยะเวลาเดียวกัน</p>
<p dir="ltr">วิธีการป้อนข้อมูลดังกล่าวนี้จะเริ่มจากการศึกษาคลื่นไฟฟ้าในสมองของนักบินมืออาชีพเวลาขับเครื่องบิน หลังจากนั้นทำการเลียนแบบคลื่นไฟฟ้าในสมองของนักบินฝึกหัดให้เหมือนกับนักบินมืออาชีพ ผลของการกระทำดังกล่าวจะทำให้นักบินฝึกหัดเรียนรู้การขับเครื่องบินได้เร็วขึ้น<br>
แม้ในปัจจุบัน การทดลองดังกล่าวยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น แต่ ดร. Matthews ผู้ทำการวิจัยเชื่อว่าในอนาคตวิธีการกระตุ้นสมองเช่นนี้จะพัฒนาไปจนถึงระดับที่สามารถทำให้มนุษย์เรียนรู้ทักษะต่างๆ เช่น การขับรถ การเรียนภาษา ได้ในระยะเวลาอันสั้น ใกล้เคียงกับที่เราเห็นในหนัง</p>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"> <a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgDkLBHHOQlW7EfLcmtal-djALckK8rCoMMp84iB7pDxGFMUUPnrYM2vCfOeOGq6x4FXWAoeBFfyLeUNzf2FIlhCKPIQFHQrzqZbN4I8Dx-r9PCRnkXavDHGHy0j-KLsXqTkcmQQNfZCDc/s1600/HRL.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"> <img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgDkLBHHOQlW7EfLcmtal-djALckK8rCoMMp84iB7pDxGFMUUPnrYM2vCfOeOGq6x4FXWAoeBFfyLeUNzf2FIlhCKPIQFHQrzqZbN4I8Dx-r9PCRnkXavDHGHy0j-KLsXqTkcmQQNfZCDc/s640/HRL.jpg"> </a> </div>menmenhttp://www.blogger.com/profile/14189001714462630629noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-8422667511530601938.post-23342063867702220432016-08-01T14:17:00.002-07:002016-08-06T00:58:01.552-07:00นวัตกรรมใหม่! ที่จะเปลี่ยนโลกไปตลอดกาล<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgqH2aC8iz6NJym3V4p52vHiqWGJNPSxyFOSYQhhYPcfm8oZtJ9_w3B5qEiCJSaJztzSCTCfqIC-jjnTt5mlDJ6994Dn5-1bQ2ac_1FTTCDHYo1ou8UbOdjJZFp2FGLUwWJYuAknZGvuIs/s1600/FB_IMG_1470086326743.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><img border="0" height="249" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgqH2aC8iz6NJym3V4p52vHiqWGJNPSxyFOSYQhhYPcfm8oZtJ9_w3B5qEiCJSaJztzSCTCfqIC-jjnTt5mlDJ6994Dn5-1bQ2ac_1FTTCDHYo1ou8UbOdjJZFp2FGLUwWJYuAknZGvuIs/s400/FB_IMG_1470086326743.jpg" width="400" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
<div dir="ltr">
นวัตกรรมใหม่สุดเจ๋ง!! ที่จะเปลี่ยนโลกไปตลอดกาล</div>
<div dir="ltr">
เพื่อความสุขของหมู่มวลมนุษยชาติ นักประดิษฐ์และนักพัฒนาจึงระดมมันสมองสร้างเทคโนโลยีใหม่ๆขึ้นมาเยอะแยะเต็มไปหมด ก็มีทั้งดีบ้างเฟลบ้าง แต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย แต่สิ่งที่ Flagfrog จะนำมาให้เพื่อนๆได้อ่านกันในตอนนี้ ก็น่าจะเจ๋งพอที่จะทำให้ชาวโลกตะลึงได้บ้างแหละครับ เพื่อไม่ให้เป้นการเสียเวลา ไปทำความรู้จักกับนวัตกรรมเปลี่ยนโลกกันเลย</div>
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjLzle99mQ9MZ7-NBLujkEbUGvayUkOL3BHjB8Xfw6Yb80wj4d98dzmH-9tT4B745oZoYuyxM_xE8nE6bq2pFWESI97gYUKsnL8jVxRiU2GNFOFY-h63EhUtc68JGG4Gw6WdBqYJQAGqtQ/s1600/FB_IMG_1470086090427.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><img border="0" height="222" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjLzle99mQ9MZ7-NBLujkEbUGvayUkOL3BHjB8Xfw6Yb80wj4d98dzmH-9tT4B745oZoYuyxM_xE8nE6bq2pFWESI97gYUKsnL8jVxRiU2GNFOFY-h63EhUtc68JGG4Gw6WdBqYJQAGqtQ/s400/FB_IMG_1470086090427.jpg" width="400" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
<div dir="ltr">
1.คอนแทคเลนส์อัจฉริยะ</div>
<div dir="ltr">
ขอนำเสนอคอนแทคเลนส์อัจฉริยะ ที่มี “กล้องถ่ายภาพ” และ “เซนเซอร์” ตรวจจับต่างๆ ที่มาพร้อมกับวงจนอิเล็กทรอนิกส์จิ๋วฝังอยู่ในตัว นั่นคือการทำหน้าที่เป็นเหมือน “ตา” ให้กับผู้พิการทางสายตาทั้งหลาย เพราะสามารถกำหนดให้ภาพที่กล้องของคอนเทคเลนส์ตัวนี้ สามารถ ถ่ายภาพได้ และยังสามารถส่งภาพไปยังส่วนที่เป็นกระบวนการประมวลผล เพื่อถ่ายทอดต่อไปให้ผู้ที่สวมใส่ได้รับรู้เหตุการณ์ในขณะนั้นอีกด้วย ตัวอย่างเช่น แปลงเป็นสัญญาณเสียงทำให้รู้ได้ว่า มีรถยนต์กำลังวิ่งผ่าน ซึ่งมีผลดีต่อผู้ที่พิการทางสายตามากๆ</div>
<div dir="ltr">
และไม่ได้หมดแค่นั้น ยังมีเซ็นเซอร์แสง,เซ็นเซอร์ตรวจวัดแรงดัน,เซ็นเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิ หรือ แม้กระทั่งเซ็นเซอร์ตรวจจับสนามไฟฟ้า ซึ่งอาจทำให้ผู้ที่สวมใส่คอนเทคเลนส์นี้ รู้สึกว่าตัวเองมีสัมผัศที่ 6 ยังไงยังงั้น ผมเองคิดว่ามันก็คล้ายๆกับ google glass เลยนะ</div>
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiABCrI-gX_m4VyrUvPkY1f7hKrQZKxjxhV_T05G1wRYE1QllCsE9h-Cj4mB6rHhLYyNfn-d3fArQXRpuXHudf70gBcurlHDg7JOfPBCpcwCgpkDfRsjS5hXghUHI-Ey2s75fQtUlci0f4/s1600/FB_IMG_1470086341139.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><img border="0" height="224" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiABCrI-gX_m4VyrUvPkY1f7hKrQZKxjxhV_T05G1wRYE1QllCsE9h-Cj4mB6rHhLYyNfn-d3fArQXRpuXHudf70gBcurlHDg7JOfPBCpcwCgpkDfRsjS5hXghUHI-Ey2s75fQtUlci0f4/s400/FB_IMG_1470086341139.jpg" width="400" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
<div dir="ltr">
2.นาฬิกาโปรเจคเตอร์</div>
<div dir="ltr">
Ritot เป็นนาฬิกาอัจฉริยะรูปแบบใหม่ที่จะฉายภาพการแจ้งเตือนต่างๆ ลงบนหลังมือของคุณตัวแรกในโลก ซึ่งสามารถใช้ฉายข้อมูลต่างๆ ลงไปบนหลังมือของคุณได้เลย ฟังก์ชั่นหลักๆก็คือมันจะเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านบลูทูธ แล้วทำการฉายการแจ้งเตือนต่างๆ ลงบนหลังมือของคุณ<br />
<br /></div>
<div dir="ltr">
<center>
<script async="" src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- man11 -->
<ins class="adsbygoogle" data-ad-client="ca-pub-3134526468117619" data-ad-format="auto" data-ad-slot="8129348386" style="display: block;"></ins>
<script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script></center>
โดยฟีเจอร์หลังจะเป็นนาฬิกาบอกเวลา แต่เมื่อมีการแจ้งเตือนอื่นๆเข้ามา มันก็จะสั่นแล้วฉายภาพให้คุณรู้ในแบบ real-time ได้เลย รองรับทั้งแจ้งสายโทรเข้า,facebook,twitter,sms เป็นต้น ถ้าหากคุณอ่านเสร็จแล้วก็ให้ทำการเขย่าข้อมือตัวเองทุกๆอย่างก็จะหายไป</div>
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgo3uIpN1zE5DR_QIvrPBA8kM-gqPO7otY3lyrjW78v2ltq_fYCnhsPFRkRqnY7NG6MruYjHYFgKxwg_yN54j8s8By5j2-aJH6iXSghyRiFynlvvWLOIfUnwFagmLoRAX0cC8S4RKtrBqY/s1600/FB_IMG_1470086383610.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><img border="0" height="200" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgo3uIpN1zE5DR_QIvrPBA8kM-gqPO7otY3lyrjW78v2ltq_fYCnhsPFRkRqnY7NG6MruYjHYFgKxwg_yN54j8s8By5j2-aJH6iXSghyRiFynlvvWLOIfUnwFagmLoRAX0cC8S4RKtrBqY/s400/FB_IMG_1470086383610.jpg" width="400" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
<div dir="ltr">
3.ยาเสริมภาษา</div>
<div dir="ltr">
ผู้ก่อตั้ง MIT Media Lab ทีมชื่อดังในการพัฒนาอุปกรณ์เจ๋งๆระดับโลก ได้แสดงวิสัยทัศน์ในงาน TED Talk เริ่มจากการคาดการณ์เทคโนโลยีล่วงหน้าในช่วง 30ปี ที่ผ่านมา แล้วเทคโนโลยีเหล่านั้นก็ได้กลายเป็นจริงขึ้นมา ซึ่งเขาก็ทายถูกหลายอย่างด้วยกัน นอกจากนั้นเขายังกล่าวถึงเส้นทางต่อไปในอนาคตซึ่งตอนท้ายของการบรรยายครั้งนี้เขาได้พูดถึง การเรียนรู้ภาษาด้วยวิธีที่แสนจะง่ายมากๆนั่นก็คือ การกินยา!! “ผมขอทำนายว่าต่อไปเพียงแค่เราทานยาเข้าไป เราก็จะรู้ภาษาอังกฤษ หรือ ภาษาอะไรก็ได้บนโลกนี้ได้ทันที”</div>
<div dir="ltr">
หลายคนเริ่มจะสงสัยแล้วว่ายาจะส่งผลต่อความรู้แล้วยาจะมีวิธีการทำยังไง ซึ่งหลักการก็คือใช้กระแสเลือดเป็นตัวนำพา เมื่อเม็ดยาเข้าสู้กระแสเลือดมันก็จะไหลเวียนไปทั่วร่างกาย ไปสู่สมอง และเมื่อยาไปอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง มันก็จะส่งข้อมูลให้กับผู้ใช้ ฟังแล้วอาจจะดูเหมือนวุ้นแปรภาษาของโดราเอมอน แต่เขาเชื่ออย่างแน่นอนว่า มันจะต้องเกิดขึ้นจริงแน่ๆในอีก 30 ปีข้างหน้า</div>
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhipEQh7grhc5QMeCrIq24kPjdshbK_fQHMhPD49QtDoaF4oN9SucanbrT-auqZpACS8m2zYbjksOnsd65dj5npfPowmyn64Hq1R0GXObc4c049oFFlnHtKmlrT-9IluWC3OdqNe_VqlfA/s1600/FB_IMG_1470086361717.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><img border="0" height="177" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhipEQh7grhc5QMeCrIq24kPjdshbK_fQHMhPD49QtDoaF4oN9SucanbrT-auqZpACS8m2zYbjksOnsd65dj5npfPowmyn64Hq1R0GXObc4c049oFFlnHtKmlrT-9IluWC3OdqNe_VqlfA/s400/FB_IMG_1470086361717.jpg" width="400" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
<div dir="ltr">
4.รองเท้าอัจฉริยะ</div>
<div dir="ltr">
บริษัท Startup ชื่อดัง ของอินเดีย ไดคิดค้นและพัฒนา “รองเท้าอัจฉริยะ” สำหรับนำทางเพื่อผุ้พิการทางสายตา ที่มีชื่อว่า “Lechal” มาจากภาษาฮินดูที่มีความหมายว่า “พาฉันไปด้วย” โดยรองเท้าคู่นี้จะเชื่อมต่อบลูทูธกับสามาร์ทโฟน โดยจะใช้การทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่น ในการส่งถ่ายข้อมูลกับ google maps แล้วใช้การสั่นเป็นการบอกทางว่าควรเลี้ยวตอนไหน ถึงปลายทางแล้วหรือยัง ซึ่งการใช้งานก็ง่ายมาก เพียงแค่ผู้ใช้เลือกเป้าหมายว่าจะไปที่ไหน พอเลือกเสร็จก็เก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าได้เลย ไม่ต้องหยิบเอาขึ้นมาดูให้เสียเวลาอีก</div>
<div dir="ltr">
ซึ่งจุดประสงค์หลักของนวัตกรรมนี้ก็คือการช่วยให้คุณภาพชีวิตของผู้พิการทางสายตาดีขึ้น โดยไม่จำเป็นจ้องพึ่งไม่เท้าหรือสุนัขนำทางอีกต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงเฉพาะผู้พิการทางสายตาเท่านั้นที่จะใช้ได้ คนตาปกติก็สามารถใช้ได้เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะใช้เดิน วิ่ง จ๊อกกิ้ง ขี่จักรยาน ก็สามารถใช้เจ้ารองเท้าคู่นี้นำทางได้ครับผม</div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
</div>
menmenhttp://www.blogger.com/profile/14189001714462630629noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-8422667511530601938.post-28358205584679687302016-07-30T15:03:00.001-07:002016-07-30T18:15:23.536-07:00แล็ปท็อป เครื่องแรกของโลก first laptop computer<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgcn82iikzCFlkP3ENuytfhfw5OFsXM4dObNLmMtDq3oZ-5iaL80WgNYLtYFDnbZFWVqgXPfkj1xDqVyoRQjFLlHCOyIcQIUTbipyGmRUoiDpDbJk1UbDOPERRXIqlbg6WlQHVInQj68Z0/s1600/article-2233035-1605F6D0000005DC-325_634x473.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><img border="0" height="298" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgcn82iikzCFlkP3ENuytfhfw5OFsXM4dObNLmMtDq3oZ-5iaL80WgNYLtYFDnbZFWVqgXPfkj1xDqVyoRQjFLlHCOyIcQIUTbipyGmRUoiDpDbJk1UbDOPERRXIqlbg6WlQHVInQj68Z0/s400/article-2233035-1605F6D0000005DC-325_634x473.jpg" width="400" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
<div dir="ltr">
แล็ปท็อป เครื่องแรกของโลก (first laptop computer)<br />
แล็ปท็อป เครื่องแรกของโลก</div>
<div dir="ltr">
ถ้าไม่บอกให้เดาก็คงเดาไม่ออกว่ามันคือคอมพิวเตอร์แบบพกพา หรือ แล็ปท็อป นั้นเองที่เห็นมันหน้าตาแปลกๆก็เพราะว่ามันเป็น แล็ปท็อปเครื่องแรกของโลก</div>
<div dir="ltr">
รายละเอียด</div>
<div dir="ltr">
<br />
แล็ปท็อป เครื่องแรกของโลกเครื่องนี้มีชื่อว่า Osborne 1 ผู้ผลิตและพัฒนาแล็ปท็อปเครื่องนี้คือนาย Adam Osborne ที่เปิดตัวให้โลกได้เห็นครั้งแรกเมื่อปี 1981 ในงานแสดงสินค้า the West Coast Computer Fair</div>
<div dir="ltr">
<br />
<center>
<script async="" src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- man11 -->
<ins class="adsbygoogle" data-ad-client="ca-pub-3134526468117619" data-ad-format="auto" data-ad-slot="8129348386" style="display: block;"></ins>
<script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</center>
แล็ปท็อปเครื่องนี้มีจอเล็กจิ๋วขนาด 5 นิ้ว(จอขาว-ดำ) ติดตั้งไดร์ฟสำหรับอ่านแผ่น ฟล็อปปี้ดิสขนาด 5.25 นิ้ว(Floppy disc 5 1/4" หลายคนอาจจะงงกับแผ่นเก็บข้อมูลชนิดนี้แต่ Admin DEN เกิดทันใช้มัน) จำนวน 2 ตัว เครื่องหนัก 24 ปอนด์(10.88 กิโลกรัม) ใช้ไมโครโปรเฟรสเซอร์รุ่น Zilog Z80A หน่วยความจำ 64Kb เครื่องมาพร้อมกับระบบปฎิบัตการ CP/M และโปรแกรม Micropro's Wordstar สนนราคา 1,795 ปอนด์(เกือบ 9 หมื่นบาท)</div>
<div dir="ltr">
<br />
เครื่องแล็ปท็อปนี้เป็นที่นิยมมากในช่วงปี 1982 ทำยอดขายไปได้กว่า 1.25 แสนเครื่อง ต่อมามันถูกตีตลาดโดย Compaq ทำให้ยอดขายตกลงอย่างรวดเร็วจนบริษัทต้องล้มละลายไปในปี 1983</div>
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgt9cTGo8LpzJIFGmefRfCaczQcAXkPcNmxdUkDNgVcoL2g7i3tbFvLZ6pgu29KHCuGwWL2EqXpq-TiFBI1LeiIVgtTMSeCd0t9gjNwPvSjIHUd1wSCocRzzG9eiNwJGThcwZvnHxsj8jM/s1600/article-0-1605F6D9000005DC-977_634x833.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgt9cTGo8LpzJIFGmefRfCaczQcAXkPcNmxdUkDNgVcoL2g7i3tbFvLZ6pgu29KHCuGwWL2EqXpq-TiFBI1LeiIVgtTMSeCd0t9gjNwPvSjIHUd1wSCocRzzG9eiNwJGThcwZvnHxsj8jM/s400/article-0-1605F6D9000005DC-977_634x833.jpg" width="304" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
<div dir="ltr">
อันนี้เป็นใบปิดโฆษณาของ Osborne 1 สังเกตดูชาวบ้านชาวช่องที่เห็นคนถือแล็ปท็อปเครื่องนี้ถึงกับสะดุ้งตัวโก่งกันทีเดียว ปัจจุบันถ้าเห็นใครถือแล็ปท็อปเครื่องขนาดนี้ก็คงสะดุ้งตัวโก่งไม่แพ้กัน</div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
</div>
menmenhttp://www.blogger.com/profile/14189001714462630629noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-8422667511530601938.post-37579126264360005132016-07-15T05:02:00.001-07:002016-07-16T23:35:22.553-07:00เปิดตำนาน แฮกเกอร์อันดับหนึ่งของโลก ที่ต้องตายเพราะความเก่งของตัวเอง!<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgQ0ewujs58ZxFZwNJcrvy5pkBrMGuRPikzOwgbhzNN4kfLYdIUdRc1TwQZM1t82d5eqFur8uTJfK7YxE8v843oPN48cnHFiE7jbY9l0AqH0ZJRy57B9-kAgTZbnNd6W2UzxgVj6IwY2O8/s1600/xl-2016-hacker-1-e1461603922563.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><img border="0" height="212" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgQ0ewujs58ZxFZwNJcrvy5pkBrMGuRPikzOwgbhzNN4kfLYdIUdRc1TwQZM1t82d5eqFur8uTJfK7YxE8v843oPN48cnHFiE7jbY9l0AqH0ZJRy57B9-kAgTZbnNd6W2UzxgVj6IwY2O8/s400/xl-2016-hacker-1-e1461603922563.jpg" width="400" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
<div dir="ltr">
เจาะตำนาน แฮกเกอร์อันดับหนึ่งของโลก ที่ต้องตายเพราะความเก่งของตัวเอง!</div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
เพื่อนๆอาจจะเคยอ่าน 10 อันดับแฮกเกอร์ของโลก กันมาบ้างแล้ว ซึ่งก็มีหลายต่อหลายเว็บได้เขียนไว้ โดยวีรกรรมของแต่ละคนนั้นถือว่าสุดยอดมากจริงๆ และผมก็ได้พบว่า แฮกเกอร์ที่เก่งที่สุดในโลก มีชื่อว่า Jonathan James ตามผมมาดูกันดีกว่าครับว่า ชายผู้นี้ทำไมจึงถูกยกย่องว่าเป็นแฮกเกอร์ที่เก่งที่สุดในโลก มาดูกันเลยครับ!</div>
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiR-w-kgZ8lRx4Sh83L6v4RKqXGIz8np5Ifw7u6dteUtoumdST7zpicHaupqY7Vv4zsctuffm3G_VFw7aDF2DEJxjTMUXAeRrOues4Bj8ib226NZEu1ms9v1taJ0kfUEG6RZms-ABREi4g/s1600/Jonathan-James-Hackagon-e1461603914623.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><img border="0" height="188" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiR-w-kgZ8lRx4Sh83L6v4RKqXGIz8np5Ifw7u6dteUtoumdST7zpicHaupqY7Vv4zsctuffm3G_VFw7aDF2DEJxjTMUXAeRrOues4Bj8ib226NZEu1ms9v1taJ0kfUEG6RZms-ABREi4g/s400/Jonathan-James-Hackagon-e1461603914623.jpg" width="400" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
<div dir="ltr">
Jonathan James</div>
<div dir="ltr">
เกิดเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 1983 เจมส์เป็นเด็กที่มีความสามารถทางด้านคอมพิวเตอร์สูงมาก เขาสามารถเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างรวดเร็ว จนกระทั่งเขาได้สร้างวีรกรรมที่ทำให้ชื่อของเขานั้นโด่งดังไปทั่วโลก นั่นก็คือ การแฮก NASA องค์กรที่ได้ชื่อว่าไฮเทคที่สุดในโลก เจมส์ได้แฮกเข้าไปอ่านข้อมูลลับสุดยอดมากมายที่ไม่ได้ถูกเผยแพร่ </div>
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgPm4NarUocmMVq1Xz5U380EX7xKs9XlpzVzkx96Qfl7q6heTOI2QjDAq_UnYrP1KPYm-7AWKjhW3eXn9-LLsfkJ20BNlfQzV9OTzC8_bm5pVUwqGdp7JVle4j5jfeRsufRwOKmFx6vEn8/s1600/hacking-e1461603930479.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><img border="0" height="224" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgPm4NarUocmMVq1Xz5U380EX7xKs9XlpzVzkx96Qfl7q6heTOI2QjDAq_UnYrP1KPYm-7AWKjhW3eXn9-LLsfkJ20BNlfQzV9OTzC8_bm5pVUwqGdp7JVle4j5jfeRsufRwOKmFx6vEn8/s400/hacking-e1461603930479.jpg" width="400" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
<div dir="ltr">
และที่สำคัญเขาได้ขโมยโปรแกรมที่ทาง Nasa พัฒนาขึ้นด้วยเงินมหาศาลถึง 1.7 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 40 ล้านบาท แต่พอขโมยมาได้ ก็ไม่อยากจะบอก ว่าโปรแกรมห่วยๆแบบนี้มีค่าถึง 1.7 ล้านดอลล่าร์เลยหรอ</div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
<center>
<script async="" src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- man11 -->
<ins class="adsbygoogle" data-ad-client="ca-pub-3134526468117619" data-ad-format="auto" data-ad-slot="8129348386" style="display: block;"></ins>
<script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</center>
เสริมเรื่องแฮกอีกนิด : ก่อนหน้านี้เจมส์ได้แฮกบริษัทที่เขารู้จักมากมาย อย่างเช่น บริษัทโทรศัพท์ BellSouth ที่เขาได้แฮกเข้าไปเพื่อที่จะได้ใช้โทรศัพท์โทรไปหาคนนู้นคนนี้แบบฟรีๆ หรือ แฮกหน่วยงาน DTRA กระทรวงกลาโหมสหรัฐ เพื่อเข้าไปอ่านข้อมูลลับต่างๆของประเทศ (แสบจริงๆ) </div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
แต่กฎหมายของประเทศสหรัฐก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้ เขาถูกตัดสินจำคุก 6 เดือนในฐานขโมยความลับสูงสุดของประเทศ ในขณะที่มีอายุเพียง 16 ปีเท่านั้น</div>
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjpfUpBlWBOEGl7wSwgJofi4-YriSt7fuhvb_MMCA_aoXMYT_YoUMXR2Ml3p-llBivfm9pZcXRu5xx6oDbYcnwwXwbV-ldeFnVTm9fsh0dfxoo-GTTEhTNPKKGAkuHCjxH6a3sSoraoGD4/s1600/165915-jonathon-c0mrade-james1-1.gif" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjpfUpBlWBOEGl7wSwgJofi4-YriSt7fuhvb_MMCA_aoXMYT_YoUMXR2Ml3p-llBivfm9pZcXRu5xx6oDbYcnwwXwbV-ldeFnVTm9fsh0dfxoo-GTTEhTNPKKGAkuHCjxH6a3sSoraoGD4/s400/165915-jonathon-c0mrade-james1-1.gif" width="333" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
<div dir="ltr">
หลังจากที่เกิดเรื่อง เจมส์ก็ใช้ชีวิตปกติต่อมา จนกระทั่งในปี 2008 ได้เกิดข่าวใหญ่ขึ้นในวงการแฮกเกอร์ เพราะ Jonathan James ชายผู้เป็นทั้งแรงบันดาลใจและฮีโร่ของแฮกเกอร์รุ่นใหม่ได้เสียชีวิตลง จากการฆ่าตัวตาย โดยสาเหตุมีอยู่ว่า เจมส์ฆ่าตัวตายหลังจากถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในการแฮกเข้าไปปล้นบริษัทบัตรเครดิตออนไลน์ เพราะเขาอยู่ในกลุ่มของพวกที่ทำผิดด้วย และตัวเขาเองก็เก่งที่สุดในกลุ่มจึงเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งนั่นเอง</div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
โดยตอนแรกนั้นตำรวจได้บุกเข้ามาค้นภายในบ้านของเจมส์ แต่ก็ไม่ได้พบสิ่งผิดกฏหมายใดๆ แต่พวกผู้บริหารของบริษัทก็กดดันตำรวจและเจมส์เป็นอย่างมาก จนทำให้เจมส์ถูกศาลสั่งให้ต้องติดคุกอีกครั้ง ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เจมส์จิตตกเป็นอย่างมาก พ่อของเจมส์บอกว่าลูกชายของตน มีภาวะซึมเศร้าเก็บตัว และสุดท้ายเจมส์ก็ได้ตัดสินใจฆ่าตัวตาย</div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
เจมส์ได้เขียนจดหมายก่อนฆ่าตัวตาย มีข้อความว่า</div>
<div dir="ltr">
“ผมไม่เชื่อในระบบยุติธรรม บางทีการกระทำในครั้งนี้ของผมจะสามารถทำให้ผู้คนนั้นแข็งแกร่งขึ้น ผมไม่สามารถควบคุมสถานณการณ์แบบนี้ได้อีกต่อไป และนี่คงเป็นวิธีที่จะทำให้ผมฟื้นฟูมันได้จริงๆ”</div>
</div>
menmenhttp://www.blogger.com/profile/14189001714462630629noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-8422667511530601938.post-87958088741668165292015-10-25T04:58:00.001-07:002016-07-16T23:38:23.544-07:005วิธีการชาร์จแบตฯมือถืออย่างรวดเร็ว <div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="http://www.pcgaux.com/wp-content/uploads/2014/12/25-300x225.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto;"><img border="0" src="http://www.pcgaux.com/wp-content/uploads/2014/12/25-300x225.jpg" height="300" width="400" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
<b>5วิธีการชาร์จแบตฯมือถืออย่างรวดเร็ว </b><br />
<b>
เมื่ออยู่ในสถานการณ์เร่งรีบ</b><br />
หากการรักษาแบตเตอรี่โทรศัพท์ของคุณถือเป็นสิ่งที่มีความท้าทายอยู่ทุกวัน มันคงกลายเป็นเรื่องที่เลวร้ายแน่ๆ หากว่าวันใดวันหนึ่งคุณจำเป็นต้องเดินทางไกลซ้ำร้ายไปกว่านั้นหากคุณจำเป็นต้องอาศัยโทรศัพท์ของคุณในการทำภารกิจต่างๆ เช่น ดูแผนที่ หรือฟังเพลง และจะยิ่งเลวร้ายลงไปอีกหากคุณมีเวลาพักเพียงนิดหน่อยสำหรับการดื่มกาแฟหรืออาจต้องรีบกลับมาพักเล็กน้อยที่โรงแรมและต้องนำโทรศัพท์ไปชาร์จแบตเตอรี่ต่อ วันนี้เราจึงมี<br />
<div style="text-align: center;">
<b>
<script type="text/javascript">// <![CDATA[
google_ad_client = "pub-3134526468117619";
/* 336x280, ถูกสร้างขึ้นแล้ว 3/10/10 */
google_ad_slot = "7534954008";
google_ad_width = 336;
google_ad_height = 280;
// ]]></script>
<script src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type="text/javascript">
</script></b></div>
<b>
5วิธีการที่จะช่วยให้คุณสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้อย่างรวดเร็วมาฝากกัน</b><br />
<br />
1.ชาร์จผ่านเต้าเสียบทั่วไปแน่นอนว่าการชาร์จแบตเตอรี่ผ่านเต้าเสียบย่อมดีกว่าการชาร์จผ่านคอมพิวเตอร์อยู่แล้ว เพราะกระแสไฟจะวิ่งเข้าได้รวดเร็วกว่า หรือในบางพื้นที่กรณีที่ไม่สามารถหาเต้าเสียบได้ ตามร้านค้าก็มีบริการให้ชาร์จผ่านเต้าเสียบโดยคิดราคาเพียงไม่กี่บาท บางคนอาจจะคิดว่าแพงแต่มันก็คุ้มนะถ้ามันชาร์จได้เร็วในเวลาที่จำกัด<br />
<br />
2.ใช้อะแดปเตอร์ที่มีกำลังไฟสูงกว่าแน่นอนว่าการใช้อะแดปเตอร์ที่มีกำลังไฟสูงกว่าย่อมทำให้แบตเตอรี่เข้ามาที่โทรศัพท์ของเราเร็วขึ้น ตัวอย่างเช่น I-Phone6 จะมาพร้อมกับอะแดปเตอร์ขนาด 1 แอมป์ แต่ทั้งนี้เราสามารถใช้อะแดปเตอร์ขนาด 2.1 แอมป์(ของ Ipad)ในการชาร์จได้ อีกทั้งไม่ต้องกลัวว่าโทรศัพท์จะมีปัญหาเพราะการหาซื้ออะแดปเตอร์ที่มีกำลังไฟสูงจะบอกอยู่แล้วว่าสามารถใช้ได้กับโทรศัพท์รุ่นไหนบ้าง<br />
<br />
3.การใช้แบตเตอรรี่สำรองในปัจจุบันแบตเตอรี่สำรองหรือที่เรียกกันว่า Power Bank สามารถหาซื้อได้ง่ายและบางรุ่นก็สามารถที่จะชาร์จได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นหากคุณมีแบตเตอรี่สำรองเหล่านี้ พกพาเอาไว้ไม่เสียหาย เพราะบางรุ่นสามารถนำมาใช้งานกับโทรศัพท์ได้หลายครั้งเลยทีเดียว หรือว่าถ้าแบตหมดทั้งสองอย่าง แล้วมีเวลาที่จำกัด ก็ชาร์จมือถือพร้อมกับชาร์จแบตเตอรี่สำรองไปด้วยเลย คราวนี้คุณก็จะมีแหล่งพลังงานจากสองแหล่งยังไงล่ะ<br />
<br />
4.เปิดโทรศัพท์ของคุณให้อยู่ในโหมดเครื่องบินแน่นอนว่าปกติแล้วการเปิดโหมดโทรศัพท์ของเราโดยทั่วไปมันก็จะเปลืองแบตเตอรี่เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว หากจำเป็นต้องการประหยัดแบตเตอรี่ให้เปิดหมดเครื่องบินจะช่วยได้อีกทางหนึ่ง ขณะที่เวลาที่ชาร์ตแบตเตอรี่ก็จะทำให้พลังงานเข้าเร็วขึ้นเมื่อเปิดโหมดเครื่องบินและปิดการรับไวไฟและการรับข้อมูลต่างๆ<br />
<br />
5.หยุดการเช็คโทรศัพท์ขณะชาร์จแบตเตอรี่แน่นอนว่าเวลาที่ไฟหน้าจอโทรศัพท์เปิดอยู่ย่อมเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานและทำให้ล่าช้าเวลาที่ชาร์จแบตเตอรี่ เพราะฉะนั้นให้หยุดการเปิดดูหน้าจอเป็นระยะและทิ้งเวลาไว้จนมั่นใจว่าแบตเตอรรี่น่าจะเต็มแล้ว</div>
menmenhttp://www.blogger.com/profile/14189001714462630629noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-8422667511530601938.post-60179065022312582232014-05-05T02:02:00.001-07:002016-07-16T23:48:36.748-07:00โทรศัพท์มือถือ ที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก (Xun Chi 138)<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhqs3rE-QEnps2bofJsWJh1yaGpnpn1hXbJo89fhPQfUxWFf8TtU7ZHrBg0i6YRrL1Tcw3bul_Q7vrclBd2HE4ugw-LU8BtTG-85zWvofCdi4o3SVP1t_piFtgcfnJG8SdQFF8GOD7nFqY/s1600/tiny_phone.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto;"><img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhqs3rE-QEnps2bofJsWJh1yaGpnpn1hXbJo89fhPQfUxWFf8TtU7ZHrBg0i6YRrL1Tcw3bul_Q7vrclBd2HE4ugw-LU8BtTG-85zWvofCdi4o3SVP1t_piFtgcfnJG8SdQFF8GOD7nFqY/s400/tiny_phone.jpg" style="-webkit-user-select: none;" width="371" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
<b>Xun Chi 138 </b>โทรศัพท์มือถือ ที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก น้ำหนักเบาเพียง 55 กรัม รองรับระบบ GSM Dualband จอแสดงผล ระบบสัมผัส ติดกล้องถ่ายรูปความละเอียด 3 แสนพิกเซล บันทึกได้ทั้งภาพนิ่งและวีดีโอ สนับสนุนเครื่องเล่นเพลง เครื่องเล่นวีดีโอ เสียงเรียกเข้า MP3 รองรับ WAP รับ-ส่ง E-mail หน่วยความจำในตัว 121 เมกกะไบต์<br />
คุณสมบัติ โทรศัพท์มือถือ Xun Chi 138<br />
ขนาดตัวเครื่อง 67.3 x 32.9 x 19.2 มิลลิเมตร<br />
น้ำหนัก 55 กรัม<br />
<center>
<script async="" src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- man11 -->
<ins class="adsbygoogle" data-ad-client="ca-pub-3134526468117619" data-ad-format="auto" data-ad-slot="8129348386" style="display: block;"></ins>
<script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</center>
<b><br /></b>
<b>มี 2 สีให้เลือก (น้ำเงิน/ชมพู)</b><br />
*เครือข่าย GSM 900/1800 MHz<br />
*หน่วยความจำในตัว 121 MB<br />
*จอแสดงผล ระบบสัมผัส 260K สี - 128 x 160 พิกเซล กว้าง 1.33 นิ้ว<br />
*ระบบจดจำลายมือ รองรับภาษาจีนและอังกฤษ<br />
*แสดงรูปภาพหรือวีดีโอผู้โทรเข้า (Photo & VideoCaller ID)<br />
*กำหนดวีดีโอหรือรูปภาพ GIF เป็นวอลล์เปเปอร์<br />
*ปากกา Stylus มีช่องเสียบที่ฝาหลัง<br />
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjKhVRIDTrLIMjkM83m1CLMCGcgQZkC8jC9kAz8yzeo-AiHmuAkrJzNd4QEsTAYOQbpjzrtAHhJzaQn4Q_O5w8EAXz40fi7hY7B7duAEikN-_CP1_zodwJN0mACVudS_iQ1CTtGGBHRm-A/s1600/xunchi138.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto;"><img border="0" height="342" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjKhVRIDTrLIMjkM83m1CLMCGcgQZkC8jC9kAz8yzeo-AiHmuAkrJzNd4QEsTAYOQbpjzrtAHhJzaQn4Q_O5w8EAXz40fi7hY7B7duAEikN-_CP1_zodwJN0mACVudS_iQ1CTtGGBHRm-A/s400/xunchi138.jpg" width="400" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
*กล้องถ่ายรูป VGA - 640 x 480 พิกเซล<br />
*บันทึกวีดีโอ ความละเอียด 176 x 144 พิกเซล<br />
*เครื่องเล่นวีดีโอ 3GP / MP4<br />
*เครื่องเล่นเพลง MP3<br />
*บันทึกเสียง WAV / AMR<br />
*โปรแกรมตกแต่งรูปภาพ<br />
*แฮนด์ฟรีในตัว (Build-In Handsfree)<br />
*เสียงเรียกเข้า MP3, Polyphonic<br />
*รองรับข้อความ SMS, MMS, Email<br />
*สนับสนุน WAP และ GPRS<br />
*2 เกมส์, ปฏิทิน, เครื่องคิดเลข, ตัวแปลงหน่วย, แปลงสกุลเงิน, นาฬิกาปลุก<br />
*แบตเตอรี่ 480 mAh<br />
*สนทนาต่อเนื่อง 2~3 ชั่วโมง<br />
*เปิดรอรับสาย 2~5 วัน<br />
*การเชื่อมต่อ USB<br />
ถ้าสนใจไปหาซื้อเอาเองนะครับ....</div>
menmenhttp://www.blogger.com/profile/14189001714462630629noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-8422667511530601938.post-35717606007980152482014-02-03T17:45:00.001-08:002016-07-16T23:54:45.603-07:00เทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือ10 แนวคิดในอนาคต <div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<b>เทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือ10 แนวคิดในอนาคต (Concept Phone)</b><br />
<b>1..Oho-idea </b>สำหรับแนวคิดแปลกใหม่น่าสนใจของเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือในอนาคตหรือ Concept Phone ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตล้ำสมัย ฟังก์ชั่นการทำงานหลากหลาย ไม่ยึดติดกับรูปร่างลักษณะแบบเดิมๆ ของโทรศัพท์มือถือในปัจจุบัน มาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น ตอบสนองผู้ใช้งานและเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีใน อนาคต<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
<b>แนวคิดมือถือ </b>โทรศัพท์มือถือบอกสภาพดินฟ้าอากาศ<br />
(Weather Cell Phone Concept)<br />
มีแนวคิดและจุดเด่นตรงตัวเครื่องทำจากวัสดุ โปร่งใส ขนาดบางเฉียบ หน้าจอสามารถแสดงผลได้เต็มพื้นที่ตัวเครื่อง ใช้ระบบสัมผัสในการควบคุมการทำงาน สามารถตรวจวัดสภาพอากาศในปัจจุบันแล้วแสดงผลบนตัวเครื่องได้ อย่างเช่น อากาศปลอดโปร่ง หน้าจอจะใสแจ๋ว หากฝนตกตัวเครื่องก็จะมีหยดน้ำฝนเกาะอยู่ และถ้ามีหิมะตกหน้าจอก็จะเป็นฝ้าด้วยไอความเย็นของหิมะ และหากต้องการโทรออกหรือเขียนข้อความ เพียงแค่ใช้ปากเป่าลมไปยังหน้าจอ ก็สามารถเขียนตัวอักษรหรือวาดรูปต่างๆ ลงไปได้เลย<br />
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><img height="395" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgwd-M2Trb-sONcLs1E9KDfSGd_aYluJOrlinmbSzNHNqyb8AGItn9ZgxgxrhfS5YIcFnAng-7JypemY82qw13TDx8gt-6S8XVue8QqoKTQj9WIa0J6ekyoEUxFw0DFJ-0DPIjLIYgwZB0/s400/380846c4fe9e35d_450x450%5B1%5D.png" style="-webkit-user-select: none; margin-left: auto; margin-right: auto;" width="400" /></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><span style="font-size: small; text-align: left;"> (Weather Cell Phone Concept) </span></td></tr>
</tbody></table>
<b>2..Mobile script Concept : แนวคิดหน้าจอระบบ สัมผัสที่สามารถดึงเข้า-ออก</b><br />
โดย แนวคิดโทรศัพท์มือถือร่วมสมัย เพื่อต้องการความคล่องตัวในการใช้งาน ด้วยหน้าจอระบบสัมผัสขนาดใหญ่ 9.5 นิ้วที่สามารถดึง เข้า-ออกจากตัวเครื่องด้านข้างได้ หรือที่เรียกว่า "Script Concept" ซึ่งเหมือนวิธีการ ส่งสาร จดหมายสมัยโบราณ ที่ส่งเป็นลักษณะม้วนกระดาษ นับว่าเป็นแนวคิดที่ดี ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในสมัยใหม่ได้ดีทีเดียว<br />
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><img height="268" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiqdO-9Bnyj92xN_jUASLJruBHDVWxPBEife9tcavbEv8Z7jHN8OLFSTRb_fY3JJhm9dJ2iw4xuuILq8v2X992BoKN1-xnwMOgNGZ_B5LrPP3DaAW2tRswrtAXX7Oc3XOK1Av1yzYvV8Zk/s400/959191244891868.jpg" style="-webkit-user-select: none; margin-left: auto; margin-right: auto;" width="400" /></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><span style="font-size: small;">ผลงานการออกแบบของ Aleksander Mukomelov</span></td></tr>
</tbody></table>
<b>3..Projector Cell Phone Concept: แนวคิดมือถือติดโปรเจคเตอร์</b><br />
แนวคิดมือถือโทรศัพท์มือถือที่ต้องการเป็นมากกว่ามือถือธรรมดา เป็นแนวคิดสมาร์ทโฟนขนาดบางเฉียบ ติดโปรเจคเตอร์หรือเครื่องฉายภาพ (Projector Concept) ไว้ ตรงกลางของตัวเครื่องรอยต่อระหว่างจอแสดงผลที่สามารถหมุนขึ้นได้กับแผงปุ่ม กด ผู้ใช้สามารถส่งภาพในโทรศัพท์ออกไปยังฉากหรือผนังเพื่อรับชมภาพในขนาดใหญ่ ได้<br />
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj5giH4UlQG8rsj_nw3cGgRLYFMXOScs8b_dCohibXMaRTGlJpKDzYhqaWL1q0OojWplY4oSk1Dyx2J4TG3dYZd7L5mMolPACepEDZocOhNG7TBnwXLhkx5iT2Q1eGTcZS5Kmpuhku_mGz8/s1600/9.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto;"><img border="0" height="341" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj5giH4UlQG8rsj_nw3cGgRLYFMXOScs8b_dCohibXMaRTGlJpKDzYhqaWL1q0OojWplY4oSk1Dyx2J4TG3dYZd7L5mMolPACepEDZocOhNG7TBnwXLhkx5iT2Q1eGTcZS5Kmpuhku_mGz8/s400/9.jpg" style="-webkit-user-select: none;" width="400" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><span style="font-size: small; text-align: left;">ผลงานการออกแบบของ Stefano Casano</span></td></tr>
</tbody></table>
<b>4..Alarm Clock Cell Phone Concept: แนวคิดมือถือกับนาฬิกาปลุกตั้งโต๊ะ</b><br />
แนวคิดโทรศัพท์มือถือนาฬิกาปลุกตั้งโต๊ะ Sony Ericsson รูปทรงคล้ายนาฬิกาปลุกตั้งโต๊ะ มองเห็นเวลาชัดเจนด้วยรูปแบบนาฬิกาดิจิตอลขนาดใหญ่ มีเครื่องเล่น Walkman, ติดกล้องถ่ายรูป และใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ขนาด AAA 2 ก้อน<br />
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhYGIbRPVHEeU4qqi_4Y3RRKMLZt_4qdc0Hft82U6CKLBXsFWUDMB-nlwcW6LdLFaTpcKXuU8TjcuGjAR8tTVc7DRNrrzsYDyyU3qC96PU5t0MDztUAjAFlUK6xX4ARIH6dRJ4W8SFEdK4/s1600/wake_up_phone_1_jMZIZ_17621.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto;"><img border="0" height="297" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhYGIbRPVHEeU4qqi_4Y3RRKMLZt_4qdc0Hft82U6CKLBXsFWUDMB-nlwcW6LdLFaTpcKXuU8TjcuGjAR8tTVc7DRNrrzsYDyyU3qC96PU5t0MDztUAjAFlUK6xX4ARIH6dRJ4W8SFEdK4/s400/wake_up_phone_1_jMZIZ_17621.jpg" style="-webkit-user-select: none;" width="400" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><span style="font-size: small; text-align: left;">ผลงานการออกแบบของ Carl Hagerling</span></td></tr>
</tbody></table>
<b>5..Pen Cell Phone Concept: แนวคิดโทรศัพท์มือ ถือรูปทรงปากกา</b><br />
แนวคิดโทรศัพท์มือถือรูปทรงปากกา ความยาว 8.7 นิ้ว ปุ่มกดตัวเลข 1-9 เรียงจากหัวปากกาไป ด้านบน ถัดไปเป็นจอแสดงผล รองรับการ์ดหน่วยความจำภายนอก MicroSD ภายในประกอบด้วย ฟังก์ชั่นพื้นฐานเหมือนโทรศัพท์ทั่วไป เพียงแต่ว่าง่ายต่อการพกพาสะดวกกว่าเท่านั้น<br />
<div style="text-align: center;">
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><img height="220" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiLTv4NB8XNLTuK8VzmLGMDdGz_rnYilIiyFcL0lffaeDGjgBDnID_gd7e6hFwkjBvxlzGIU-fdW7LpNKqFadpsHmmgjD5Rx36zmZqSIJAXTaC3FgDnIQSjJ_wPH6UjV3qGvV5NTsXkM7m_/s400/pen-cell-phone-concept-2007.jpg" style="margin-left: auto; margin-right: auto;" width="400" /></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
</div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<b>6..Edge Cell Phone Concept: แนวคิดโทรศัพท์มือถือรูปทรงสไลด์หรู</b><br />
แนวคิดโทรศัพท์มือถือรูปทรงสไลด์ ที่มีแผงปุ่มกดทำจากวัสดุโปร่งใส ขนาดบาง ใช้ระบบสัมผัส เมื่อเราต้องการกดหมายเลขก็เพียงเลื่อนสไลด์แผงปุ่มที่ใสๆ ออกมาเท่านั้นเอง<br />
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><img height="321" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi6pt09BvhTqW6Zeckx5XLPRcceqENNtW509PYzPpE4UaRlodO0ZzQH8Ki5hBTy7NoLAbEFieKbMDcw2XvfylgfLmw1K22RgaIfd95Qa-wkzUp5KV32uviU-0o_gukoKwYqhm2grGlWzUag/s400/Edge+Cell+Phone+Concept_01.png" style="-webkit-user-select: none; margin-left: auto; margin-right: auto;" width="400" /></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><span style="font-size: small; text-align: left;">ผลงานการออกแบบของ Chris Owens</span></td></tr>
</tbody></table>
<b>7..Grass Cell Phone Concept: แนวคิดโทรศัพท์มือ ถือต้นหญ้า</b><br />
แนวคิดโทรศัพท์มือถือต้นหญ้าหรือ Grass Cell Phone มาจากแนวคิดเนื่องด้วยธรรมชาติสร้างสรรค์ เทคโนโลยีให้ควบคู่กันไปได้อย่างลงตัว<br />
<center>
<script async="" src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- man11 -->
<ins class="adsbygoogle" data-ad-client="ca-pub-3134526468117619" data-ad-format="auto" data-ad-slot="8129348386" style="display: block;"></ins>
<script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</center>
<br />
จึงไม่เป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม เพราะมือถือต้นหญ้าเครื่องนี้ก็จะค่อยๆ ย่อยสลายตัวเองไปตามกาลเวลาภายในระยะเวลา 2 ปี เพราะว่าวัสดุที่ใช้ทำเป็นวัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้นั่นเอง<br />
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><img height="276" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj85iU-PQH5Q1BG5PbVoiR6nNtcL2dundoEmHSEOaSKQy4hCJJVciZVgZuX4BWiIUaDxOeaBNCd9fxlUoY2ICEfcuT0SD4fiSUE7S7ZDVqO4KClqg1tRJq9xSNYxOm42RamzjwgBjhuSqY/s400/the-biodegradable-grass-cell-phone-1.jpg" style="-webkit-user-select: none; margin-left: auto; margin-right: auto;" width="400" /></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><span style="font-size: small; text-align: left;">ผลงานการออกแบบของ Je-Hyun Kim</span></td></tr>
</tbody></table>
<b>8..Mechanical Cell Phone Concept: แนวคิดโทรศัพท์มือ ถือพลังงานกล</b><br />
แนวคิดโทรศัพท์มือถือพลังงานจากกลไกการหมุนตัว เครื่อง ด้วยการใช้นิ้วสวมลงไปในรูวงกลมแล้วหมุนโทรศัพท์ไปรอบๆ นิ้วมือ เพียงแค่นี้โทรศัพท์มือถือเครื่องนี้ก็มีพลังงานเพิ่มขึ้นพร้อมด้วยหน้า จอแสดงผลระบบสัมผัสบอกสถานะการชาร์จ<br />
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><img src="http://news.siamphone.com/upload/content/Image/10-Concept-Phone/Mechanical%20Cell%20Phone-02.jpg" height="282" style="-webkit-user-select: none; margin-left: auto; margin-right: auto;" width="400" /></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><span style="font-size: small; text-align: left;">ผลงานการออกแบบของ Mikhail Stawsky</span></td></tr>
</tbody></table>
<b>9..Flexible Cell Phone Concept: แนวคิดโทรศัพท์มือ ถือกำไลข้อมือ</b><br />
แนวคิดโทรศัพท์มือถือกำไลข้อมือ หรือนาฬิกา โดยตัวเครื่องทำมาจากวัสดุที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถโค้งงอ ยึดปลายทั้งสองเข้าหากัน ใช้เป็นกำไลข้อมือ พกพาไปไหนได้สะดวกมากขึ้น<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><img height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjE1Vp5hALEMwNsyLFBN9QfNxHP4YmPacNT5CZQSXlV0A2VJP8kO3ogGY-wab0x55QM456UxDlmsdcB92-mR9VI6eNKULrmI6VrVNHNmhIyQfSltvJBR_g9_gnCTn4Ho3SbmwPYMsrdu74/s400/%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD.jpg" style="-webkit-user-select: none; margin-left: auto; margin-right: auto;" width="324" /></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><span style="font-size: small; text-align: left;">ผลงานการอกแบบของ Shirley A. Roberts</span></td></tr>
</tbody></table>
</div>
<b>10..Ear Cell Phone Concept: แนวคิดโทรศัพท์มือ ถือหูฟังล่องหน</b><br />
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjXUYPhvG-YZRnja3o4bSDMHEpdbSaEh482JlEzGA3QCGlrZTpjfXTXHtOz5gOQ5nMFRWxdXmkke7zzDuafYrh6vGBPWu8LZ7GIWCvkJ3k_lfFXFIWdjP5dnXy8Hqj_uLCnq9a8hqipUj8/s1600/8.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto;"><img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjXUYPhvG-YZRnja3o4bSDMHEpdbSaEh482JlEzGA3QCGlrZTpjfXTXHtOz5gOQ5nMFRWxdXmkke7zzDuafYrh6vGBPWu8LZ7GIWCvkJ3k_lfFXFIWdjP5dnXy8Hqj_uLCnq9a8hqipUj8/s400/8.jpg" style="-webkit-user-select: none;" width="360" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
แนวคิดโทรศัพท์มือถือหูฟังล่องหนหรือที่เรียก ว่า "Ilshat Garipov" ออกแบบให้มีขนาดบาง เฉียบ มีลักษณะคล้ายคลิปหนีบ ดึงส่วนยื่นออกมาเกี่ยวกับช่องหู คล้ายหูฟัง วัสดุประกอบตัวเครื่องแต่ละชั้นใช้โพลิเมอร์สอดแทรกด้วยชิ้นส่วน อิเล็กทรอนิกส์ และเซ็นเซอร์จำนวนมากสามารถตรวจจับผิวหน้าสัมผัสกับตัวเครื่องเปลี่ยนสีพื้น ผิวโทรศัพท์ให้เหมือนกับบริเวณที่ส่วมใสอยู่ ดูผ่านๆ แล้วเหมือนกับโทรศัพท์<br />
ล่องหนได้..<br />
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><img src="http://www.yankodesign.com/images/design_news/2009/06/07/kambala_phone.jpg" height="289" style="-webkit-user-select: none; margin-left: auto; margin-right: auto;" width="400" /></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><span style="font-size: small; text-align: left;">ผลงานการอกแบบของ Kambala</span></td></tr>
</tbody></table>
</div>
menmenhttp://www.blogger.com/profile/14189001714462630629noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-8422667511530601938.post-88290963275968931252013-07-02T17:32:00.002-07:002013-07-02T17:38:54.493-07:00SIM-PIN-PUK คืออะไร<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
SIM คืออะไร PIN คืออะไร PUK คืออะไร -<b>What is a SIM-PIN-PUK.</b><br />
<b>SIM คืออะไร</b><br />
SIM ย่อมาจาก Subscriber Indentity Module เป็นอุปกรณ์ซึ่งใส่ในเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพื่อให้เครื่องสามาถติดต่อกับเครือข่ายได้<br />
<b><br /></b>
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjrmgjfqnmEakgSAuS8KQhQJzVLfu0qgI10K8L5GLEYhdoTsd0UYmzM3mieFW-NUZljOUTSRJHik4Qp3p4Umdl06NTO1ZZztVa_cDkJIWv2Xd09WIhxJouuQ_KYB7WzROIMfvg27bpDOx2J/s400/SIM-CARD.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="150" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjrmgjfqnmEakgSAuS8KQhQJzVLfu0qgI10K8L5GLEYhdoTsd0UYmzM3mieFW-NUZljOUTSRJHik4Qp3p4Umdl06NTO1ZZztVa_cDkJIWv2Xd09WIhxJouuQ_KYB7WzROIMfvg27bpDOx2J/s200/SIM-CARD.jpg" width="200" /></a></div>
<b>หน้าที่ของซิมการ์ด</b><br />
1.ไม่ได้เก็บหมายเลขเครื่องโทรศัพท์ของเราครับ แต่เก็บหมายเลข IMSI (International Mobile Subscriber Indentity) ซึ่งเป็นหมายเลขที่ไม่ซ้ำกับ SIM อื่น ๆ ทั่วโลกหมายเลขนี้จะผูกกับหมายเลขโทรศัพท์ของเจ้าของ SIM โดยมีฐานข้อมูลเก็บที่ HLR (HLR เป็นเสมือนที่เก็บข้อมูล)<br />
<br />
เมื่อผู้ให้บริการได้รับหมายเลข IMSI จำนวนหนึ่ง ก็จะนำหมายเลขนี้ไปผูกกับหมายเลขเครื่องโทรศัพท์โดยเก็บที่ HLR แล้วก็สร้างซิมการ์ดออกขาย ให้เราได้เห็นเป็นเบอร์ต่างๆ<br />
ที่ต้องทำแบบนี้เพื่อสร้างระบบป้องกันการ copySIM<br />
เมื่อ SIM หายหรือทำลายตัวเองลง ท่านยังสามารถ ติดต่อกับ call center เพื่อให้ call center ดึงข้อมูลจาก HLR เพื่อนำมาสร้างซิมการ์ดใบใหม่ให้ ทำให้ใช้เบอร์เดิมได้<br />
<br />
2.เก็บรหัสที่ใช้ป้องกันการปลอมแปลง SIM ซึ่งก็คือค่า Ki โดยค่านี้ไม่มีทางอ่านออกมาได้จาก SIM<br />
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj-GRqvICvW8gK4rNCHAIkXix3AHrC0vAFX_1fj9dWckRIGGvylVIkuja-pwTc3htErbqV7-hkoMmyNAgVvo_X2kTd1LxcgvVOQWGIX0OuCsu8P21nPvibXLsfHzg3rx6OaGxMDSU840jA_/s1600/dd.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="127" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj-GRqvICvW8gK4rNCHAIkXix3AHrC0vAFX_1fj9dWckRIGGvylVIkuja-pwTc3htErbqV7-hkoMmyNAgVvo_X2kTd1LxcgvVOQWGIX0OuCsu8P21nPvibXLsfHzg3rx6OaGxMDSU840jA_/s200/dd.jpg" width="200" /></a><br />
3.เก็บข้อมูลสำคัญของ ผู้ให้บริการเครือข่าย เช่น ย่านความถี่ใช้งาน , application เสริม<br />
<br />
4.เก็บข้อมูลส่วนตัวของเราได้ เช่น phone book<br />
<br />
5.เก็บรหัสล๊อค SIM คือ PIN และ PUK<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjY3CZGBZGoPpDiJw9V3Q0iGbGuAINEjX3BTVfKbkkUx4J3xmiuLcbajUWoBPoNzk14EQT9mNvcGHAH7E6jnSNoRrvtt6QxiAoSYQMKTmXpD03VMttp1Z2eDEFVRuMxVG3yLbhQfa2wvrCc/s1600/pin_code_001.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="156" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjY3CZGBZGoPpDiJw9V3Q0iGbGuAINEjX3BTVfKbkkUx4J3xmiuLcbajUWoBPoNzk14EQT9mNvcGHAH7E6jnSNoRrvtt6QxiAoSYQMKTmXpD03VMttp1Z2eDEFVRuMxVG3yLbhQfa2wvrCc/s200/pin_code_001.jpg" width="200" /></a></div>
<b>PIN คืออะไร</b><br />
PIN ย่อมาจาก Personal Indentification Number เป็นหรัส 4-8 หลัก ใช้ป้องกันผู้อื่นมาใช้งานSIM โดยไม่ได้รับอนุญาต (สำหรับเครื่องใครที่ มีรหัส LOCK เครื่องได้ PIN เป็นคนละรหัสที่ใช้LOCK เครื่องโทรศัพท์เรานะ)หากกดผิดเกิน 3 ครั้ง SIM จะ LOCK ตัวเอง ต้องใช้รหัส PUKnote เรากดผิด 2 ครั้ง ปิดเครื่อง แล้วเปิดมากดใหม่ เครื่องจะนับ 1 ใหม่ ;D<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://unlockworldwide.com/wp-content/uploads/2011/10/sim_blocked_mobile_phone_code.gif" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="200" src="http://unlockworldwide.com/wp-content/uploads/2011/10/sim_blocked_mobile_phone_code.gif" width="133" /></a></div>
<b>PUK คืออะไร</b><br />
PUK ย่อมาจาก PIN Unlock Key เป็นรหัส 8 หลัก ที่ใช้ปลด LOCK SIM โดยปัจจุบันทางผู้ให้บริการเครื่อข่าย ไม่ส่งรหัสนี้ให้ลูกค้าเก็บไว้แล้ว หากลูกค้าต้องการทราบ ให้ติดต่อไปที่ call center ของแต่ละผู้ให้บริการ<br />
<br />
<u>คราวนี้ กด PUK ผิด 10 ครั้ง SIM จะทำลายตัวเอง ไม่สามารถใช้ได้อีก ข้อมูลต่าง ๆ จะหายหมด ทั้ง phone book และข้อมูลของผู้ให้บริการ</u><br />
<br />
เราปิดเครื่องแล้วเปิดมากดใหม่ มันจะนับต่อเนื่องไปได้ (ไม่นับเริ่มใหม่ที่ค่าเริ่มต้น) ดังนั้น ตั้งสติดี ๆ แล้วกดที่เดียวผ่านไปเลย<br />
<br />
<b>PIN Code (Personal Identification Number)</b> ซึ่งเป็นตัวเลข 4 หลักที่ใช้เป็นรหัสผ่านสำหรับป้องกันการเข้าใช้งานซิมการ์ดโดยไม่ได้รับอนุญาต<br />
หากพิมพ์ผิดเกิน 3 ครั้งจะต้องเข้าสู่ขั้นตอนของการป้อน PUK Code (Personal Unblocking Key)<br />
ซึ่งคราวนี้เป็นตัวเลขที่มากถึง 8 หลัก ซึ่งยากต่อการจดจำแต่ PUK Code ของซิมการ์ดแต่ละซิมการ์ดนั้นจะถูกพิมพ์เอาไว้ที่ซองหรือกล่องที่ใส่ซิมการ์ดนั่นเองดังนั้นจึงสามารถนำ PUK Code ที่เห็นมาใส่ได้ทันที<br />
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=Srlcf3PjwEk" target="_blank"><b>http://www.youtube.com/watch?v=Srlcf3PjwEk</b></a><br />
<object height="169" style="clear: left; float: left;" width="300"><param name="movie" value="//www.youtube-nocookie.com/v/Srlcf3PjwEk?version=3&hl=th_TH"></param>
<param name="allowFullScreen" value="true"></param>
<param name="allowscriptaccess" value="always"></param>
<embed src="//www.youtube-nocookie.com/v/Srlcf3PjwEk?version=3&hl=th_TH" type="application/x-shockwave-flash" width="300" height="169" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object><u>แต่มีผู้ใช้จำนวนไม่น้อยที่ทิ้งซองหรือกล่องซิมการ์ดไปแล้ว จึงไม่รู้ว่าจะหา PUK Code ได้จากไหน</u><u>ซึ่งวิธีแก้ไขในกรณีนี้ก็คือต้องติดต่อกับศูนย์บริการเครือข่ายที่ใช้อยู่โดยตรง</u>โดยพนักงานอาจจะถามคำถามบางอย่างกับคุณเพื่อให้แน่ใจว่าคุณเป็นเจ้าของหมายเลขนั้นจริงๆหากคุณเป็นเจ้าของซิมการ์ดจริง ก็คงไม่ยากที่จะกู้คืนซิมการ์ดให้สามารถใช้งานได้เหมือนเดิม....<br />
<br />
<b><br /></b>
<b>เรียบเรียงข้อมูลเพิ่มเติมโดย menmen</b></div>
menmenhttp://www.blogger.com/profile/14189001714462630629noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-8422667511530601938.post-76431520648146142352013-04-25T00:10:00.002-07:002013-04-25T00:10:18.059-07:0010 ข้อ..ป้องกันไม่ให้ มือถือระเบิด(Mobile tips)<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<b>ข้อแนะนำ 10 ข้อ..</b><b>ป้องกันไม่ให้ มือถือระเบิด..</b><br />
<br />
<a href="http://2.bp.blogspot.com/-mqUHFi6x6dA/UKzpYr_VBjI/AAAAAAAAGTE/06c6Vrg5G-U/s1600/n4-vs-iphone-5.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="137" src="http://2.bp.blogspot.com/-mqUHFi6x6dA/UKzpYr_VBjI/AAAAAAAAGTE/06c6Vrg5G-U/s200/n4-vs-iphone-5.jpg" width="200" /></a>การชาร์จอย่างถูกวิธีก็เป็นหนทางหนึ่งในการดูแลรักษา แบตเตอรี่ให้มีอายุนานขึ้นได้ และนอกจากจะช่วยเรื่องปัญหามลพิษต่อสิ่งแวดล้อม ยังประหยัดเงินในกระเป๋าเราอีกด้วย อย่างที่ทราบกันว่าแบตเตอรี่ของมือถือที่เราใช้กันเมื่อทิ้งแล้วจะกลายเป็น ขยะพิษที่เป็นอันตรายทั้งสิ่งแ วดล้อมและมนุษย์ วิธีหนึ่งที่จะสามารถช่วยลดปริมาณขยะนี้ได้นั้น คือ การยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่เราใช้กันให้นานตามอายุการใช้งานตามจริง ด้วยการชาร์จที่ถูกวิธี ดังนี้<br />
<br />
1. ผู้ใช้งานควรทราบก่อนว่า แบตเตอรี่ที่ซื้อมานั้น เป็นแบตเตอรี่ชนิดใด ซึ่งสามารถดูได้จากสติ๊กเกอร์ที่ติดอยู่บนก้อนแบตเตอรี่<br />
<br />
2. การใช้อุปกรณ์การชาร์จ หรือ Light Charger ต้องเป็นรุ่นเดียวกันกับเครื่องโทรศัพท์เคลื่อน ที่ เพราะ Light Charger แต่ละรุ่นจะมีอัตราการจ่ายกระแสหรือโวลต์ที่ไม่เท่ากัน ทางที่ดีให้ใช้ของรุ่นที่ซื้อมาจะดีที่สุด หรือให้ศึกษาข้อมูลจากคู่มือการใช้งานก่อนที่จะนำมาใ ช้งานจริง (Light Charger สามารถใช้ทดแทนกันได้ แต่ควรดูจากคู่มือที่แนบมาก่อนใช้งาน)<br />
<br />
3. เสียบปลั๊กของสายชาร์จเข้ากับปลั๊กไฟให้แน่ใจแล้วว่า ไม่หลวมหรือขยับได้ หลังจากนั้นนำขั้วอีกด้านมาเสียบเข้าที่ช่องชาร์จของเครื่องโทรศัพท์ที่ ต้องกล่าวในจุดนี้เนื่องจาก Light Charger บางรุ่นขาจะเป็นแบบขากลม ซึ่งอาจหลวมได้ และหากนำมาชาร์จกับตัวเครื่องในขณะที่ขั้วปลั๊กไฟไม่แน่น อาจทำให้เกิดการกระชากกระแสจนเป็นเหตุให้อุปกรณ์ชาร์จเกิดการลัดวงจรและเสีย หายได้ (ปัจจุบัน Light Charger จะมีน้ำหนักเบา ซึ่งวงจรภายในไม่ได้ทำด้วยหม้อแปลงแรงดันไฟฟ้าแล้ว แต่เป็นวงจรที่เรียกทั่วไปว่า Switching)<br />
<br />
4. หากเป็นแบตเตอรี่ก้อนใหม่แกะกล่อง ทางโรงงานผู้ผลิตจะแนะนำให้มีการชาร์จและคลายประจุอย ่างสมบูรณ์ใน 2-3 ครั้งแรก จะทำให้แบตเตอรี่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น หากเราซื้อโทรศัพท์มาใหม่เราควรที่จะให้เวลาและให้ความสำคัญกับการชาร์จ แบตเตอรี่ใน 2-3 ครั้งแรก ซึ่งจะทำให้แบตเตอรี่ ของคุณมีประสิทธิภาพตามคุณสมบัติของแบตเตอรี่จริงๆ เหตุผลที่ต้องมีการชาร์จอย่างสมบูรณ์ และต่อเนื่องใน 2-3 ครั้งแรกก็เพื่อให้ขบวนการทางเคมีของสารประกอบภายในเกิด ปฎิกริยาอย่างสมบูรณ์นั่นเอง<br />
<br />
5. ไม่ควรชาร์จแบตเตอรี่นานเกิน 24 ชั่วโมงโดยไม่ทำการถอด Light Charger เพราะจะมีผลทำให้อุณหภูมิของแบตเตอรี่มีความร้อนสูงข ึ้น หากดูจากทฤษฎีที่กล่าวมาแล้ว ถึงแม้วงจรควบคุมของแบตเตอรี่และเครื่องโทรศัพท์จะสั่งให้หยุดการชาร์จ แต่เมื่อเราปล่อยทิ้งไว้นานๆ อุณหภูมิของแบตเตอรี่เย็นลง และจะมีการคลายประจุไฟฟ้าออกมา ซึ่งจะก่อให้เกิดการชาร์จซ้ำ นั่นหมายถึงอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ก็จะสั้นลง และถ้าคุณไม่อยู่บ้านด้วยแล้ว ก็ยิ่งไม่ควรทำการชาร์จทิ้งไว้เป็นอันขาด<br />
<br />
6. หากคุณชาร์จแบตเตอรี่จนเต็มและทิ้งไว้นานๆ เมื่อคุณนำแบตเตอรี่มาใช้งานอีกครั้ง คุณอาจจะเห็นได้ว่าแบตเตอรี่ลดลงหรือลดระดับลงเร็วกว่า นั่นหมายถึงแบตเตอรี่มีการคายประจุในตัวเอง จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับชนิดของแบตเตอรี่และระยะเวล าในการเก็บไว้ แต่ไม่ใช่ว่าชาร์จจนเต็มในเวลากลางคืน พอบ่ายวันรุ่งขึ้นนำมาใช้แล้วระดับของแบตเตอรี่ลดลงมาก หรือไม่สามารถเปิดเครื่องได้ นั้นหมายถึงแบตเตอรี่ของคุณ อาจจะเสียได้ (ข้อพิจารณา:ขอให้ดูจากอายุของแบตเตอรี่ประกอบลักษณะ การใช้ของผู้ใช้งาน เป็นองค์ประกอบในการพิจารณาว่า แบตเตอรี่ดีหรือเสีย หากไม่แน่ใจขอให้ส่งให้บริษัทที่รับประกันสิ้นค้าเป็นผู้ตรวจสอบให้ )<br />
<br />
7. หากแบตเตอรี่ของคุณยังมีประจุไฟฟ้าเหลืออยู่มาก ก็ไม่ควรนำไปทำการชาร์จใหม่ ควรจะรอให้แบตเตอรี่หมดเสียก่อน หากดูกันตามทฤษฎีจะเห็นได้ว่าอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ส่วนหนึ่งคิดเป็นรอบของการชาร์จ และคลายประจุ แต่ถ้าหากผู้ใช้งานมีความจำเป็นที่จะต้องใช้เครื่องในขณะที่แบตเตอรี่เหลือ ไม่มากก็ควรชาร์จ มิฉะนั้นแบตเตอรี่อาจหมด ในขณะที่คุณต้องการใช้งาน<br />
<br />
8. อุณหภูมิในการชาร์จมีผลต่อการประสิทธิภาพการชาร์จหรือประจุไฟ โดยเฉพาะอุณหภูมิที่สูงจะส่งผลทำให้การชาร์จไม่สมบูรณ์ 100 %<br />
<br />
9. การชาร์จ หากสามารถปิดเครื่องแล้วชาร์จจะยิ่งดี เพราะในขณะที่มีการชาร์จแล้วมีสายเรียกเข้ามาจะทำให้ การชาร์จหยุดไปชั่วขณะ และเริ่มทำการชาร์จใหม่เมื่อเลิกสนทนา จุดนี้คงต้องขึ้นอยู่กับความจำเป็นของผู้ใช้แต่ละท่าน แต่ถ้าจะให้ดีก็ควรดูคู่มือก่อนจะดีกว่า เพราะมีบางรุ่นบางยี่ห้อระบุว่าควรเปิดเครื่องขณะทำการชาร์จไฟแบตเตอรี่ เพราะจะสามารถประจุไฟฟ้าได้เต็มประสิทธิภาพ<br />
<br />
10.ข้อควรระวัง เรื่อง การวางโทรศัพท์ก็สำคัญ อย่าวางไว้กับโลหะ อย่างเช่น เหรียญกษาปณ์ และขอเตือนสำหรับคนที่ชอบเอาโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าที่มีเศษเหรีย ญ เพราะโลหะเหล่านี้เมื่อสัมผัสกับขั้วที่ใช้ชาร์จอาจทำให้ไฟฟ้าล ัดวงจร ซึ่งอาจเป็น<br />
<b><br /></b>
<b>เรียบเรียงข้อมูลเพิ่มเติมโดย menmen</b></div>
menmenhttp://www.blogger.com/profile/14189001714462630629noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-8422667511530601938.post-87542076931611897992013-01-29T18:06:00.002-08:002015-08-25T05:43:16.944-07:00เบอร์โทรศัพท์มือถือกับการทายนิสัย...<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://www.ieostudyabroad.com/ieostudyabroad/content/userfiles/image/408484-girl-with-phone.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://www.ieostudyabroad.com/ieostudyabroad/content/userfiles/image/408484-girl-with-phone.jpg" height="291" width="320" /></a></div>
<span style="font-size: large;"><b><span class="short_text" lang="en"><span class="hps alt-edited"><br /></span></span></b></span>
<span style="font-size: large;"><b><span class="short_text" id="result_box" lang="en"><span class="hps alt-edited">Predictable</span> <span class="hps alt-edited">habits</span> <span class="hps">of</span> <span class="hps">mobile phone numbers</span><span class="">.</span></span></b></span><br />
<b>อุปกรณ์จำเป็นอีกอย่างหนึ่งสำหรับการใช้ชีวิตในยุคดิจิตอล </b>นั่นคือ โทรศัพท์มือถือ โดยหมายเลขในการติดต่อของโทรศัพท์นั้น ส่วนใหญ่เป็นเบอร์ที่ผู้ใช้เลือกเอง ซึ่งสามารถบ่งบอกนิสัยของเจ้าของเบอร์ได้ วิธีก็ไม่ยากเลย แค่นำหมายเลข 7 ตัวหลัง ของเบอร์โทรศัพท์มาบวกกัน ซึ่งจะได้เลขไม่เกิน 2 หลัก แล้วบวกอีกครั้งหนึ่งให้เป็นเลขหลักเดียว แต่ถ้าบวกเลข 7 ตัวได้หลักเดียวในครั้งแรกแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องบวกต่อ เสร็จแล้วดูเฉลยได้เลยว่าตรงกับนิสัยตนเองจริงหรือเปล่า<br />
<b><br /></b>
<b>ผลบวกของ</b> หมายเลขโทรศัพท์มือถือ สามารถทายนิสัยของคุณได้นะ ไปลองพิสูจน์กัน กับ ทายนิสัยจากเบอร์โทรศัพท์มือถือ<br />
<br />
<span style="color: blue;"><b><u>ตัวอย่าง สมมติว่าหมายเลขโทรศัพท์ของคุณ คือ 081-234-5678</u></b></span><br />
<br />
<b>- ขั้นตอนที่ 1</b> ให้นำเลข 7 ตัวหลัง คือ 2345678 มาบวกกันจะได้ 2+3+4+5+6+7+8=35<br />
<br />
<b>- ขั้นตอนที่ 2 </b>บวกให้ได้เลขหลักเดียวก็คือ 3+5=8 เสร็จแล้วนำเลข 8 ไปดูผลทำนายได้เลย<br />
<br />
** (กรณีได้ผลบวกเป็น 10 ในขั้นตอนที่ 2 ให้นำ 1+0=1 ครับ)<br />
<br />
<span style="color: red;"><b><u>เมื่อได้เลขผลบวกมาแล้วมาดูความหมายจากคำทำนายกันเลย</u></b></span><br />
<br />
<b>ผลรวม เลขมือถือได้เลข 1 -</b> เป็นคนมีอำนาจ ชอบเป็นผู้นำ ใจร้อน ขี้บ่น แต่โกรธง่ายหายเร็ว บางครั้งก็ใจง่าย โลเล เป็นตัวของตัวเอง<br />
<br />
<b>ผลรวม เลขมือถือได้เลข 2 -</b> เป็นคนอ่อนไหวง่าย มีเสน่ห์ ชอบทำอะไรคนเดียวเงียบ ๆ บุคลิกภายนอกดูเข้มแข็ง แต่ภายในอ่อนไหว<br />
<br />
<b>ผลรวม เลขมือถือได้เลข 3 -</b> มีลักษณะนิสัยออกไปทางแนวซ่า ๆ พูดเสียงดัง แต่พูดไม่ค่อยเก่ง ทำไรต้องทำให้สำเร็จ<br />
<br />
<b>ผลรวม เลขมือถือได้เลข 4 -</b> เป็นนักพูดตัวยง พูดเก่ง เป็นคนสนุกสนาน มีเสน่ห์ แต่เจ้าชู้<br />
<br />
<b>ผลรวม เลขมือถือได้เลข 5 -</b> เป็นคนมีเหตุผลไม่วู่วาม ขี้สงสาร ฉลาด เป็นที่ปรึกษาที่ดี ที่สำคัญไม่ชอบโกหกใคร<br />
<br />
<b>ผลรวม เลขมือถือได้เลข 6 -</b> เป็นคนที่พร้อมจะให้ความรักกับผู้อื่นทุกเมื่อ สร้างความสุขให้ตนเองโดยการหมดเงินไปกับการแต่งตัว และความบันเทิงทั้งหลาย<br />
<br />
<b>ผลรวม เลขมือถือได้เลข 7 -</b> ขี้ตกใจ ขี้กังวลเวลาโกรธมาก ๆ มักจะขาดสติ คำพูดมักจะก่อให้เกิดศัตรูได้ ดังนั้นควรระวังคำพูด<br />
<br />
<b>ผลรวม เลขมือถือได้เลข 8 -</b> นิสัยออกก๋ากั่นนักเลงนิด ๆ แต่ข้อเสียคือเป็นคนเชื่อคนง่าย หากถูกใจใครแล้วก็จะหลงคนนั้นได้ง่ายดาย<br />
<br />
<b>ผลรวม เลขมือถือได้เลข 9 - </b>ประพฤติตนแตกต่างจากพวกเดียวกัน ชอบทำตัวเหมือนคนโบราณ หรือ เป็นผู้ใหญ่เกินอายุ เลยทำให้เป็นคนช่างคิด...<br />
<br />
<span style="color: black;">
<script type="text/javascript">// <![CDATA[
google_ad_client = "pub-3134526468117619";
/* 336x280, ถูกสร้างขึ้นแล้ว 3/10/10 */
google_ad_slot = "7534954008";
google_ad_width = 336;
google_ad_height = 280;
// ]]></script>
<script src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type="text/javascript">
</script>
</span></div>
<br />
<b>ขอบคุณข้อมูลจาก FW Mail</b><br />
<b>เรียเรียงข้อมูลเพิ่มเติมโดย menmen</b></div>
menmenhttp://www.blogger.com/profile/14189001714462630629noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-8422667511530601938.post-81060891548745179142013-01-04T17:11:00.001-08:002013-01-04T17:28:35.079-08:00การเลือกใช้ Android (แอนดรอยด์)<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://www.google.com/mobile/blogger/hero.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="190" src="http://www.google.com/mobile/blogger/hero.jpg" width="320" /></a></div>
<br />
<b>การเลือกใช้ Android (แอนดรอยด์)</b><br />
<b>แอนดรอยด์ (Android) คืออะไร?</b><br />
<u>วิธีที่จะเข้าใจว่า Android(แอนดรอยด์) คืออะไร?</u> อย่างง่ายๆ ให้เราลองนึกถึง คอมพิวเตอร์ที่บ้านครับ ตอนนี้ใช้ Windows อะไรอยู่ครับ บางคนก็จะตอบว่า Windows 7, Windows Vista บางคนก็ตอบว่า Windows XP หรือบางคนอาจจะตอบว่า ผมไม่ใช้ Windows ผมใช้ Linux ซึ่งจะเป็น Linux รุ่นไหนก็ว่ากันไป … Windows หรือ Linux เราเรียกมันว่า ระบบปฏิบัติการ(OS) ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าถ้าคอมพิวเตอร์ไม่ลง Windows ก็จะเปิดเครื่องเพื่อทำงานไม่ได้ ฉันใดก็ฉันนั้น โทรศัพท์มือถือ SmartPhone ก็เช่นเดียวกันครับ มันต้องการ OS ซึ่งใน iPhone นั้นบริษัทแอปเปิ้ลใช้ OS ที่ชื่อว่า iPhone OS ครับ ในขณะที่บริษัทกูเกิ้ล(Google) บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการไอที อีกรายก็ได้ซุ่มพัฒนา OS ที่มีชื่อว่า Android(แอนดรอยด์) OS ขึ้นมา ซึ่ง Android(แอนดรอยด์) เวอร์ชั่น 1.0 ได้ถูกปล่อยออกมาใช้งานอย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 กันยายน ค.ศ 2008<br />
<br />
<b>ต้นกำเนิด แอนดรอยด์ (Android)</b>ย้อนไปเมื่อประมาณ เดือน ตุลาคม ปี 2003 <b>Andy Rubin</b> ได้ก่อตั้งบริษัท แอนดรอยด์ (Android, Inc.) พร้อมกับเพื่อนร่วมงานที่ถือว่ามีความสามารถแตกต่างกันออกไปในแต่ละด้าน ร่วมกันพัฒนามาเรื่อยจนเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2550 โทรศัพท์มือถือรุ่นแรก ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ แอนดรอยด์ ก็ได้ออกวางจำหน่าย ซึ่งสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ คือ HTC Dream<br />
Android 4.0 หรือ Android 4.1? ตัวเลขข้างหลังคืออะไร? เพื่ออะไร?<br />
<br />
<b>Android(แอนดรอยด์) 4.0</b> เป็นหมายเลขเวอร์ชั่นของ ระบบปฏิบัติการ แอนดรอยด์ ครับ เหมือนที่ Windows มีทั้ง Windows95, Windows 2000, Windows XP, Windows Vista ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเวอร์ชั่นที่พัฒนาต่อๆกันมาของ Windows ครับ ใน Android OS เองก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทำให้ตอนนี้ Android OS มีทั้งหมด 10 เวอร์ชั่นแล้วครับและมีชื่อเล่นสำหรับเรียกง่ายๆด้วยครับ<br />
ซึ่ง ก็ได้แก่ Apple Pie(Android 1.0),Banana Bread(Android 1.1),CupCake(Android 1.5), Donut(Android 1.6), Éclair(Android 2.1), Froyo(Android 2.2), Gingerbread(Android 2.3), Honeycomb(Android 3.0), Ice Cream Sandwich(Android 4.0), Jelly Bean (Android 4.1) จะสังเกตุเห็นได้ว่า ชื่อรุ่นทุกรุ่นเป็นของหวานทั้งหมดเลยครับ และในรุ่น Android ที่จะพัฒนาในอนาคตซึ่งยังไม่มีการกำหนดเลขเวอร์ชั่นก็จะมีชื่อว่า Key lime pie อีกด้วย.. แค่อ่านชื่อก็อิ่มแล้ว..<br />
<br />
<b>วิธีการเลือกซื้อมือถือ Android Phone</b><br />
<b>1. เลือกเวอร์ชั่นของ Android OS</b><br />
เนื่องจาก Android(แอนดรอยด์) Phone เป็นมือถือที่มีส่วนประกอบของ ระบบปฏิบัติการเป็นส่วนสำคัญ ดังนั้นการเลือกซื้อ Android Phone จึงจำเป็นต้องพิจารณาถึง เวอร์ชั่นของ Android(แอนดรอยด์) OS ที่เราต้องการด้วยครับ ซึ่งเมื่อไปที่ร้านมือถือตั้งใจจะซื้อ Android Phone สักเครื่อง แต่แล้วเราก็จะมึนงง เพราะว่ามือถือ Android Phone แต่ละยี่ห้อใช้ Android คนละเวอร์ชั่น! แล้วเราจะเลือกยังไงกันดี แล้วเราต้องใช้รุ่นไหนยังไง.. Android Phone รุ่นไหนคุ้มไม่คุ้มยังไง… ความมืดแปดด้านของการเลือก Android Phone ก็เริ่มครอบงำเรา… งั้นเรามาดูรายละเอียดว่า Android(แอนดรอยด์) OS แต่ละรุ่นมีความสามารถอะไรกันบ้างดีกว่าครับ เราจะได้รู้ว่า โทรศัพท์ Android Phone รุ่นที่เราเล็งอยู่นั้น มันทำอะไรได้ ทำอะไรไม่ได้บ้าง<br />
<br />
<u>แอนดรอยด์ (อังกฤษ: android) เป็นระบบปฏิบัติการสำหรับอุปกรณ์พกพา </u>เช่น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ตคอมพิวเตอร์ เน็ตบุ๊ก ทำงานบนลินุกซ์ เคอร์เนล เริ่มพัฒนาโดยบริษัทแอนดรอยด์ (อังกฤษ: Android Inc.) จากนั้นบริษัทแอนดรอยด์ถูกซื้อโดยกูเกิล และนำแอนดรอยด์ไปพัฒนาต่อ ภายหลังถูกพัฒนาในนามของ Open Handset Alliance ทางกูเกิลได้เปิดให้นักพัฒนาสามารถแก้ไขโค้ดต่างๆ ด้วยภาษาจาวา และควบคุมอุปกรณ์ผ่านทางชุด Java libraries ที่กูเกิลพัฒนาขึ้น<br />
<br />
<u>แอนดรอยด์ได้เป็นที่รู้จักต่อสาธารณชนเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550</u> โดยทางกูเกิลได้ประกาศก่อตั้ง Open Handset Alliance กลุ่มบริษัทฮาร์ดแวร์, ซอฟต์แวร์ และการสื่อสาร 48 แห่ง ที่ร่วมมือกันเพื่อพัฒนา มาตรฐานเปิด สำหรับอุปกรณ์มือถือ ลิขสิทธิ์ของโค้ดแอนดรอยด์นี้จะใช้ในลักษณะของซอฟต์แวร์เสรี<br />
<br />
<b>โทรศัพท์เครื่องแรก</b>ที่สามารถใช้งานระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ได้คือ เอชทีซี ดรีม ออกจำหน่ายเมื่อ 22 ตุลาคม 2551 เวอร์ชันล่าสุดของแอนดรอยด์คือ 4.2 (JellyBean) ความสามารถใหม่ของ แอนดรอยด์ 4.2 ที่เพิ่มขึ้นมาคือ Photo Sphere ที่สามารถถ่ายรูปได้ 360 องศา และ Keyboard Gestures ที่สามารถลากนิ้วแทนการสัมผัสตัวอักษรได้<br />
กูเกิลเพลย์<br />
<br />
<b>กูเกิล เพลย์ (Google Play)</b> เป็นร้านซอฟต์แวร์ออนไลน์ของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ที่พัฒนาโดยกูเกิล โดยผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงกูเกิ้ลเพลย์ได้ผ่านซอฟต์แวร์ที่ชื่อว่า "Play Store" ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ โดยในกูเกิ้ลเพลย์จะแบ่งเป็นสองส่วนหลักคือ แอป<br />
(Apps) และ เกม (Games)<br />
<object height="315" width="560"><param name="movie" value="http://www.youtube-nocookie.com/v/afNRAOg5jUk?hl=th_TH&version=3&rel=0"></param>
<param name="allowFullScreen" value="true"></param>
<param name="allowscriptaccess" value="always"></param>
<embed src="http://www.youtube-nocookie.com/v/afNRAOg5jUk?hl=th_TH&version=3&rel=0" type="application/x-shockwave-flash" width="560" height="315" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object><br />
เรียบเรียงข้อมูเพิ่มเติมโดย menmen</div>
menmenhttp://www.blogger.com/profile/14189001714462630629noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-8422667511530601938.post-21098340601107907232012-10-14T06:30:00.000-07:002012-10-14T06:46:00.761-07:00หน้าจอโทรศัพท์มือถือ(Mobile phone screen)<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<div style="text-align: justify;">
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi70bb5UiZH_9lqyz8Vnf7jM_9EMqS7Thar9QLfHyoudLCV7ODUSLjOfkYCCdclDbFyB_zOK72-mPzuSdHXwe7H4QTM_CVEBYsUruV3r3eWhlLhYNLHoO0_teajFBnReOXvf9uGdKu_d1Kl/s1600/iPhone.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="213" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi70bb5UiZH_9lqyz8Vnf7jM_9EMqS7Thar9QLfHyoudLCV7ODUSLjOfkYCCdclDbFyB_zOK72-mPzuSdHXwe7H4QTM_CVEBYsUruV3r3eWhlLhYNLHoO0_teajFBnReOXvf9uGdKu_d1Kl/s320/iPhone.jpg" width="320" /></a></div>
<b>คุณคิดว่า หน้าจอโทรศัพท์มือถือมีกี่ประเภท<br />ประเภทของหน้าจอโทรศัพท์มือถือ</b></div>
<div style="text-align: justify;">
<b>(Mobile phone screen)</b><br />
Mobile LCDสำหรับผู้ที่กำลังจะเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือเชิญอ่านทางนี้ ชิ้นส่วนสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ราคาโทรศัพท์ของเราแพงหรือถูก นั่นคือ หน้าจอโทรศัพท์ นั่นเอง คุณทราบหรือไม่ว่าในตลาดมือถือปัจจุบัน มีหน้าจออะไรให้เลือกบ้าง และแต่ละประเภท มีคุณสมบัติอย่างไร การเลือกซื้อควรเลือกแบบไหนดี วันนี้เราหาคำตอบมาฝากเพื่อนๆ กันครับ<br />
<br />
<b>S-LCD (Super Liquid Crystal Display) </b></div>
<div style="text-align: justify;">
พัฒนาต่อยอดมาจาก TFT? ให้ความสว่าง
สีสรรที่สวยงามมากว่า
ส่วนตัวก็ใช้โทรศัพท์มือถือที่ใช้หน้าจอแบบนี้เหมือนกัน
ก็คมชัดและสีสวยมากกว่าปกติทั่วไป<br />
</div>
<div style="text-align: justify;">
<b>TFT LCD </b></div>
<div style="text-align: justify;">
หน้าจอที่เราคงคุ้นเคยกันมากพอสมควร เพราะมีลักษณะเดียวกันกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเรา ส่วนชื่อเต็มๆ Thin Film Transistor? - Liquid Crystal Display <br />
</div>
<div style="text-align: justify;">
<b>AMOLED (Active Matrix Organic Light Emitting Diode) </b></div>
<div style="text-align: justify;">
เป็นหน้าจอที่มีการกล่าวขานกันมากที่สุดอย่างหนึ่งในปัจจุบัน เพราะให้สีสรรของภาพและตัวอักษรได้คมชัดมาก ซึ่ง AMOLED นี้ มีการพัฒนาต่อยอดมาจาก OLED จุดเดนหน้าหน้าจอแบบนี้ คือเรื่องความสว่าง ซึ่งเป็นเทคโนโลนีที่ไม่ต้องใช้ไฟ Back Light ส่องสว่างจากด้านหลัง เพราะตัวมันเองมีแสงในตัว ผลสรุปที่ได้คือ ทำให้หน้าจอบางลง<br />
</div>
<div style="text-align: justify;">
<b>IPS LCD (In-Plane Switching Liquid Crystal Display) </b></div>
<div style="text-align: justify;">
เน้นเรื่องมุมมองในการมองเห็น แต่ยังคงสีสรรที่คมชัด ชื่อนี้อาจไม่คุ้นเท่าไหร่สำหรับใครหลายๆ คน แต่ถ้าพูดว่า หน้าจอแบบนี้ใช้กับ iPad 2 / iPhone 4 ล่ะก็ ทุกคนก็คงร้อง อ๋อ ! กันไปเลย ว่ากันว่า หน้าจอแบบนี้ ให้ความสว่างมากที่สุดในโลกเลยทีเดียว ใครเชื่อหรือไม่ ต้องไปพิสูจน์กันเองน่ะครับ<br />
</div>
<div style="text-align: justify;">
<b>Super AMOLED </b></div>
<div style="text-align: justify;">
หน้าจอที่ทาง Samsung พัฒนาขึ้นมา<br />
ดังจะเห็นได้จากโทรศัพท์มือถือ Samsung Galaxy S รุ่นแรก<br />
</div>
<div style="text-align: justify;">
<b>Super AMOLED PLUS</b> </div>
<div style="text-align: justify;">
เพิ่มความจัดจ้านของสีสรรให้มากขึ้น<br />
สำหรับโทรศัพท์ที่ใช้นั่นก็คือ Samsung Galaxy S II<br />
<br />
<object height="315" width="420"><param name="movie" value="http://www.youtube-nocookie.com/v/Isz8tM4HzRU?version=3&hl=th_TH&rel=0"></param>
<param name="allowFullScreen" value="true"></param>
<param name="allowscriptaccess" value="always"></param>
<embed src="http://www.youtube-nocookie.com/v/Isz8tM4HzRU?version=3&hl=th_TH&rel=0" type="application/x-shockwave-flash" width="420" height="315" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object><br />
<br />
<b>หน้าจอโทรศัพท์</b> ยังมีอีกหลากหลายรุ่น
แต่หน้าจอดังกล่าวข้างต้นเป็นหน้าจอที่นิยมมากที่สุด
และน่าใช้มากที่สุดเช่นกัน แค่นี้ เชื่อว่าหลายๆ ท่านก็คงเลือกไม่ถูกแล้วว่าจะเลือกใช้หน้าจอโทรศัพท์แบบไหนดี เอาเป็นว่า
ยิ่งชัด ยิ่งสีสด หรือจัดจ้าน ราคาก็แพงตามไปด้วยครับ..<br />
<b>เรียบเรียงข้อมูลเพิ่มเติมโดย Menmen </b></div>
</div>
menmenhttp://www.blogger.com/profile/14189001714462630629noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-8422667511530601938.post-55507147829116574562012-05-27T02:12:00.000-07:002012-05-27T02:19:38.224-07:00เกร็ดความรู้และข้อดี-ข้อเสียของโทรศัพท์มือถือ<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<object height="315" width="420"><param name="movie" value="http://www.youtube-nocookie.com/v/YWiDOygLN2Y?version=3&hl=th_TH&rel=0">
</param>
<param name="allowFullScreen" value="true">
</param>
<param name="allowscriptaccess" value="always">
</param>
<embed src="http://www.youtube-nocookie.com/v/YWiDOygLN2Y?version=3&hl=th_TH&rel=0" type="application/x-shockwave-flash" width="420" height="315" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object><br />
<br />
<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgzGNyC33pfzNY8RqenLI8SX8-Whd8yZ6A44Tm299LUI_I9Lz2ARqprTJ_8-LIzwyBWQMCingeBqL_-lvij6rZrx0nmJUGC4eTGGkMmSqNKm0TKkwTChVeJcfuuccQPvHu_RArTsy1SITUl/s320/Mobile+Technology.png" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="200" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgzGNyC33pfzNY8RqenLI8SX8-Whd8yZ6A44Tm299LUI_I9Lz2ARqprTJ_8-LIzwyBWQMCingeBqL_-lvij6rZrx0nmJUGC4eTGGkMmSqNKm0TKkwTChVeJcfuuccQPvHu_RArTsy1SITUl/s200/Mobile+Technology.png" width="200" /></a></div>
<div style="text-align: justify;">
<b>เกร็ดความรู้</b><br />
<b>ปัญหาสุขภาพ</b>ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ เป็นเรื่องที่กล่าวถึงกันอย่างกว้างขวาง และยิ่งเทคโนโลยีนั้นถูกนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน จนมีผู้คนนับล้านบริโภคเทคโนโลยีดังกล่าว จนทำให้ขนาดของปัญหาใหญ่และสำคัญยิ่งขึ้น<br />
<br />
ดังเช่น การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือที่เรียกกันติดปากว่า “โทรศัพท์มือถือ” ซึ่งเป็นอุปกรณ์สื่อสารที่เรียกได้ว่าเป็นที่นิยมแพร่หลาย และเข้าถึงได้ง่ายในโลกปัจจุบัน ก็มีประเด็นให้ถกเถียงกันในแง่ปัญหาสุขภาพอยู่ไม่น้อย เนื่องด้วยลักษณะการใช้งานของโทรศัพท์มือถือที่ต้องสัมผัสแนบศีรษะและหู เพื่อให้ได้ยินเสียง และพูดผ่านไมโครโฟนภายในเครื่อง เมื่อสนทนาต่อเนื่องเป็นเวลานาน ผู้ใช้จะรู้สึกได้ถึงความร้อนที่เกิดขึ้น รวมถึงหลักการของสัญญาณคลื่นไมโคร เวฟที่นำมาใช้กับโทรศัพท์มือถือ ก็ได้ก่อให้เกิดความกังวลเรื่องความร้อนและพลังงานรังสี จากเครื่องว่ามีผลกระทบต่อสุขภาพหรือไม่อย่างไร?<br />
<br />
ด้วยข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบัน ยังไม่สามารถสรุปได้ชัดเจนถึงผลกระทบของโทรศัพท์มือถือที่มีต่อสุขภาพ แต่ก็มีการวิจัยที่ค่อนข้างเชื่อถือได้ในประเทศอังกฤษได้บอกไว้ว่า คลื่นไมโครเวฟจากโทรศัพท์มือถือมีผลต่อสมอง ทำให้สมองมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อคำถามแบบ “ใช่” หรือ “ไม่ใช่” ได้รวดเร็วขึ้น แต่ไม่มีผลต่อการทำงานของสมองในแง่อื่น ๆ และยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นอันตรายต่อสมอง<br />
<br />
หากพิจารณาถึงความถี่ของคลื่นไมโครเวฟที่ใช้ในโทรศัพท์มือถือก็พบว่าเป็นคนละความถี่กันกับที่ใช้ในเตาไมโครเวฟสำหรับประกอบอาหาร รวมถึงกำลังในการส่งสัญญาณของโทรศัพท์มือถือก็ต่ำมาก ความกังวลที่ว่าการใช้โทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน แล้วจะเป็นเนื้องอกในสมอง ทำให้สมองเสื่อม ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันแย่ลงนั้น จึงยังไม่ควรวิตกกังวลไป อย่างไรก็ตาม การลดอัตราจากพลังงานความร้อนและรังสีจากโทรศัพท์มือถือ ได้มีการประดิษฐ์อุปกรณ์เพื่อให้ผู้ใช้โทรศัพท์สามารถสนทนาได้โดยไม่ต้องถือโทรศัพท์แนบกับศีรษะหรือ สมอลล์ ทอล์ก ซึ่งก็มีประโยชน์ในการลดอันตรายขณะขับขี่ยานพาหนะ และลดความกังวลเรื่องผลกระทบต่อสุขภาพได้<br />
<br />
แต่หากกล่าวถึงการใช้งานโทรศัพท์มือถือในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา เพื่อติดต่อสื่อสารพูดคุยโดยทั่วไป ผู้ใช้จำเป็นต้องมองหน้าจอโทรศัพท์บ้างไม่มากก็น้อย แต่ในปัจจุบันเทคโนโลยีมากมายถูกนำมารวมไว้ในโทรศัพท์มือถือ เพื่อความสะดวกและประโยชน์ใช้สอย ไม่ว่าจะเป็นการเล่นอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือ การถ่ายภาพ การจัดเอกสารข้อมูล รวมไปถึงการดูโทรทัศน์ ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมต่าง ๆ เทคโนโลยีเหล่านี้ทำให้ผู้ใช้งานต้องมองหน้าจอมือถือมากขึ้น จึงเป็นที่น่าสนใจว่าการมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือนาน ๆ จะส่งผลเสียต่อสุขภาพ โดยเฉพาะสุขภาพสายตาหรือไม่ อย่างไร? ก่อนจะทราบถึงผลกระทบของการมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือ คงต้องอธิบายถึงส่วนประกอบและการทำงานของหน้าจอโทรศัพท์มือถือกันก่อน<br />
<br />
เริ่มต้นที่ส่วนของหน้าจอ ซึ่งเป็นส่วนแสดงผลของโทรศัพท์ มือถือ หน้าจอที่นิยมใช้กันมากในปัจจุบันเป็นชนิด แอลซีดี (ลิควิดคริสตัล ดิสเพลย์) ซึ่งประกอบไปด้วยชั้นบาง ๆ ระดับความหนาเป็นไมครอนมาประกอบกันหลายชั้น คำถามก็คือ..การเกิดภาพให้เห็นบนหน้าจอแสดงผลได้นั้นทำได้อย่างไร สามารถอธิบายได้ต่อไปนี้<br />
<br />
1. ส่วนให้แสงสว่าง จะอยู่ลึกที่สุด ทำหน้าที่ให้แสงหรือความสว่าง โดยอาจใช้หลอดไฟเป็นแบล็กไลต์ หรือในจอรุ่นใหม่ ๆ แต่ละจุดบนหน้าจอจะปล่อยแสงออกมาได้ด้วยตัวเอง แสงที่เกิดขึ้นนี้จะส่องผ่านรูเล็ก ๆ ขึ้นมานับพันรู ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับขนาดของหน้าจอ<br />
<br />
2. ส่วนควบคุมการแสดงผล มีลักษณะเป็นแผ่นวงจรมากมายที่ประมวลผลการแสดงออกมาว่าจะเป็นรูปอะไร แบบใด เช่น ให้เป็นเลข 9 หรือเป็นตัวอักษร ก.<br />
<br />
3. ส่วนแสดงผล เป็นส่วนที่เป็นที่มาของชื่อหน้าจอแอลซีดี เพราะในส่วนนี้จะมีลิควิด คริสตัล หรือคริสตัลเหลว เป็นตัวสำคัญที่ทำให้เกิดภาพ และมีส่วนของคัลเลอร์ ฟิลเตอร์ เป็นตัวกำหนดสี การเกิดภาพโดยคริสตัลเหลว ทำได้โดยการปล่อยกระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความต่างศักย์ไฟฟ้าขึ้น คริสตัลเหลวจะจัดเรียงตัวไปปิดรูที่แสงส่องผ่านตามที่ส่วนควบคุมการแสดงผลกำหนด ทำให้เห็นเป็นภาพขึ้นมา จากนั้นแสงจะผ่านคัลเลอร์ ฟิลเตอร์ กำหนดเป็นสีต่าง ๆ เช่น เห็นอักษร A เป็นแบบตัวเอียงและมีสีน้ำเงิน เป็นต้น<br />
<br />
จากส่วนประกอบดังกล่าว พอจะสรุปได้ว่า จอโทรศัพท์มือถือที่ให้ความสว่างที่เหมาะสม การประมวลผลรวดเร็ว การทำงานของคริสตัลเหลวมีประสิทธิภาพ และหน้าจอมีความละเอียดมาก ก็จะให้ภาพที่คมชัด และเนื่องจากการพัฒนาเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เทคโนโลยีเก่ามีราคาถูกลง โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ ๆ ที่หน้าจอแสดงผลคมชัด มีสีสันสวยงาม จึงมีราคาไม่แพง และเป็นที่นิยม<br />
<br />
ดังที่กล่าวมาแล้วว่าปัจจุบันประโยชน์ใช้สอยของโทรศัพท์มือถือมีมากกว่าการสนทนาระหว่างบุคคล รูปแบบการใช้งานผ่านหน้าจอโทรศัพท์จึงมีมากขึ้น และระยะเวลาในการใช้งานนานขึ้น บางครั้งก็มีอาการหรือความรู้สึกผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับการมองเกิดขึ้น จึงเกิดประเด็นสงสัยถึงผลกระทบด้านสุขภาพตาในการมองจอโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน ๆ<br />
<br />
ปัญหาทางตาที่พบบ่อยได้แก่ การปวดเมื่อยตา สายตาล้า ภาพไม่ชัดเมื่อเปลี่ยนระยะมอง หรือเมื่อเงยหน้าจากจอโทรศัพท์ รู้สึกแสบตา ตาแห้ง ตาพร่า ไปจนถึงการกลัวว่ามองหน้าจอโทรศัพท์นาน ๆ แล้วจอประสาทตาจะเสื่อม เป็นต้อกระจก ต้อหิน ทั้งหมดนี้สามารถอธิบายโดยแยกเป็นประเด็นต่าง ๆ ได้ดังนี้<br />
<br />
1.อันตรายต่อดวงตาในแง่ความร้อนและรังสีจากโทรศัพท์มือถือขณะกำลังใช้งานหน้าจอ อาจกล่าวได้ว่ามีอันตรายน้อยมาก เนื่องจากขณะใช้งาน เราถือโทรศัพท์ไว้ที่ระยะการมองชัด (ระยะอ่านหนังสือ) โดยอยู่ห่างจากศีรษะและดวงตาประมาณ 30 เซนติเมตร ซึ่งห่างมากพอที่พลังงานความร้อนที่เกิดขึ้นและพลังงานจากรังสีในย่านความถี่ไมโครเวฟที่มีกำลังส่งต่ำอยู่แล้ว จะส่งกระทบต่อตาน้อยมาก และจากข้อมูลในปัจจุบัน ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าการใช้งานโทรศัพท์มือถือมีผลทำให้เกิดโรคทางตาที่มีผลต่อการสูญเสียการมองเห็น ประมวลจากองค์ความรู้ในขณะนี้ ไม่พบหลักฐานว่าการมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ทำให้เกิดจอประสาทตาเสื่อม ต้อกระจก และต้อหิน<br />
<br />
2.อาการต่าง ๆ ที่พบได้แก่ ปวดล้า ตาพร่า ปรับระยะภาพไม่ชัด แสบตา ตาแห้ง อาการต่าง ๆ เหล่านี้เป็นผลจากการใช้สายตาที่ไม่เหมาะสม ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้กับการใช้สายตาทั่วไป ไม่เฉพาะกับการมองจอโทรศัพท์มือถือเท่านั้น อาการดังกล่าวเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น อายุของผู้ใช้ การเพ่งมอง ระดับการมองเห็นของแต่ละคน ความผิดปกติของค่าสายตาที่มีอยู่เดิม ความสว่างของหน้าจอ ขนาดของหน้าจอ ระยะเวลาหรือความถี่ในการใช้งานผ่านหน้าจอโทรศัพท์ เป็นต้น<br />
<br />
<b>ข้อดี-ข้อเสียของโทรศัพท์มือถือ</b><br />
<b>ข้อเสีย</b><br />
1.ทำให้เสียอารมณ์ หากโทรศัพท์มือถือดังในช่วงที่คุณต้องการความสงบ มีสมาธิ หรือเวลาอะไรก็ตามที่คุณมีความสุข<br />
2.ทำให้เกิดอาการประสาทหลอน ว่าได้ยินเสียงโทรเข้ามา<br />
3.ทำให้เกิดอาชญากรรมอันถึงแก่ชีวิตได้ หากโทรศัพท์ของคุณสะดุดเข้าตาโจร<br />
4.ทำให้อารมณ์ร้อนของคุณ มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เพราะคุณจะใช้การโทรศัพท์ในการเติมเชื้อไฟ มากว่าจะอยู่กับตัวเองทบทวนปัญหา<br />
5.ทำให้คุณโกหกมากยิ่งขึ้น เช่น หากแฟนถามว่าอยู่ใหน คงไม่มีใครตอบตรงๆว่าอยู่กับกิ๊ก<br />
6.ทำให้สมองของคุณ ฟ่อลง คุณจะพึงพาความจำของเครื่องโทรศัพท์แทน เช่น เบอร์โทรต่างๆ<br />
7.ทำให้สังคมของคุณ แคบลง เพราะเมื่อคุณหลงทาง คุณคงโทรหาเพื่อน มากกว่าที่จะถาม คนข้างๆที่ไม่รู้จัก<br />
8.ทำให้เป็นภาระทางใจ เช่นกลัวว่าจะหาย กลัวจะลืมไว้บ้าน กลัวพัง กลัวหล่น กลัวตกรุ่น กลัว.........<br />
9.ทำให้เป็นภาระทางการเงิน ต้องหาเงินมาจ่ายค่าโทร<br />
10.ทำให้คุณสูญเสีย อวัยวะได้ หากใช้แบตฯปลอม<br />
อืม ยังมีอีกเยอะ ให้ท่านอื่นได้ตอบบ้าง<br />
<br />
<b>ข้อดี</b><br />
1.ใช้สื่อสารทางไกลสื่อสารรวดเร็ว (ดีที่สุดล่ะ)<br />
2.เดี๋ยวนี้มือถือทำได้เกือบทุกอย่างสื่อสาร ส่งข่าวสาร ถ่ายรูป ท่องเน็ต อีกเยอะ<br />
3.เอาไว้ฟังเพลง<br />
4.ใช้เป็นนาฬิกาปลุกกะเครื่องคิดเลข<br />
5.โทรศัพมือถือมีประโยชน์สารพัดอย่างสะดวกสบายเยอะแยะไปหมดอธิบายไม่ถูกเลยละ...<br />
<br />
<b>ขอขอบคุณข้อมูลจาก</b><br />
อาจารย์ประจำภาควิชาจักษุวิทยา หน่วยต้อหิน<br />
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล<br />
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=493&contentId=61636</div>
<div style="text-align: justify;">
<b>เรียบเรียงข้อมูลเพิ่มเติมโดย</b> menmen</div>
</div>
</div>menmenhttp://www.blogger.com/profile/14189001714462630629noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-8422667511530601938.post-78381322612079273352011-09-25T18:09:00.000-07:002013-01-04T17:24:03.529-08:00Android (แอนดรอยด์) คือ<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiQbrS51y3vNtSMAYgqNI_qBHYFqseX7OFB0wgbo6aRnxc4QU74_GXJHM_OMuHIjWTDr0sg03VoEgKKgMvNKWWdPJiwNduG6J9wKVuUW6WpoHL7d1wLs33t_NN12sgOYnn4WBz4DSbc6sk/s1600/blogger+android+app.png" onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}"><img alt="" border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiQbrS51y3vNtSMAYgqNI_qBHYFqseX7OFB0wgbo6aRnxc4QU74_GXJHM_OMuHIjWTDr0sg03VoEgKKgMvNKWWdPJiwNduG6J9wKVuUW6WpoHL7d1wLs33t_NN12sgOYnn4WBz4DSbc6sk/s1600/blogger+android+app.png" style="cursor: pointer; float: left; height: 350px; margin: 0pt 10px 10px 0pt; width: 150px;" /></a><br />
<div style="text-align: justify;">
<b>Android (แอนดรอยด์) </b>คือ ระบบปฏิบัติการ (OS) ระบบหนึ่ง เหมือนกับ ระบบปฏิบัติการอย่าง Windows , Linux หรือ Mac ที่เรารู้จักกัน ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าถ้าคอมพิวเตอร์ไม่ลง Windows , Linux หรือ Mac ก็จะเปิดเครื่องเพื่อทำงานต่าง ๆไม่ได้ มือถือ smart Phone ก็เช่นกันต้องลงระบบปฏิบัติการเช่นกันอย่าง โนเกีย ก็จะมีระบบปฏิบัติการ ซิมเบียน ส่วนระบบปฏิบัติการ Android ถูกพัฒนาขึ้นโดยกูเกิ้ล (Google) ยักษ์ใหญ่แห่งวงการไอที และไม่คิดค่าใช้จ่ายในการนำไปใช้กับอุปกรณ์ต่าง ๆ ผู้ผลิตมือถือหลายค่ายจึงนำมาใส่ใน smartPhone ของตัวเองไม่ว่าจะเป็น HTC ,Samsung ,i-mobile,motorola ,acer เมื่อนำมาใช้กับมือถือเราก็จะเรียกกันว่า Android Phone ก็หมายความว่าโทรศัพท์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ <b>Android</b> อยู่ในเครื่องนั่นเอง </div>
<div style="text-align: justify;">
<b>กูเกิ้ล (Google)</b> พัฒนาระบบ <b>Android</b> มา อย่างต่อเนื่อง และมีชื่อเล่นต่าง ๆ เหมือนกับ window XP , window vista แบบนั้นโดย (Android 1.5) ถูกเรียกว่า CupCake, (Android 1.6) ถูกเรียกว่า Donut , (Android 2.1) ถูกเรียกว่า Éclair, (Android 2.2) ถูกเรียกว่า Froyo , (Android 2.3) ถูกเรียกว่า Gingerbread , (Android 3.0) ถูกเรียกว่า Honeycomb</div>
<div style="text-align: justify;">
<span style="font-weight: bold;">หรือ อีกข้อมูลหนึ่ง</span></div>
<div style="text-align: justify;">
<span style="font-weight: bold;">แอนดรอยด์ (อังกฤษ: android)</span> เป็นระบบปฏิบัติการสำหรับอุปกรณ์พกพา เช่น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ตคอมพิวเตอร์ เน็ตบุ๊ก ทำงานบนลินุกซ์ เคอร์เนล เริ่มพัฒนาโดยบริษัทแอนดรอยด์ (อังกฤษ: Android Inc.) จากนั้นบริษัทแอนดรอยด์ถูกซื้อโดยกูเกิล และนำแอนดรอยด์ไปพัฒนาต่อ ภายหลังถูกพัฒนาในนามของ Open Handset Alliance ทางกูเกิลได้เปิดให้นักพัฒนาสามารถแก้ไขโค้ดต่างๆ ด้วยภาษาจาวา และควบคุมอุปกรณ์ผ่านทางชุด Java libraries ที่กูเกิลพัฒนาขึ้น<br /><br />แอนดรอยด์ได้เป็นที่รู้จักต่อสาธารณชนเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 โดยทางกูเกิลได้ประกาศก่อตั้ง Open Handset Alliance กลุ่มบริษัทฮาร์ดแวร์, ซอฟต์แวร์ และการสื่อสาร 48 แห่ง ที่ร่วมมือกันเพื่อพัฒนา มาตรฐานเปิด สำหรับอุปกรณ์มือถือ ลิขสิทธิ์ของโค้ดแอนดรอยด์นี้จะใช้ในลักษณะของซอฟต์แวร์เสรี<br /><br />โทรศัพท์เครื่องแรกที่สามารถใช้งานระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ได้คือ HTC Dream ออกจำหน่ายเมื่อ 22 ตุลาคม 2551</div>
<div style="text-align: justify;">
<span style="font-weight: bold;">แอนดรอยด์มาร์เก็ต</span><br />
แอนดรอยด์มาร์เก็ต (Android Market) เป็นร้านซอฟต์แวร์ออนไลน์ของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ที่พัฒนาโดยกูเกิล โดยผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงมาร์เก็ตได้ผ่านซอฟต์แวร์ที่ชื่อว่า "Market" ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ โดยในมาร์เก็ตจะแบ่งเป็นสองส่วนหลักคือ แอ๊ป (Apps) และ เกม (Games)<br />
<br />
แอ๊ปที่อยู่ในมาร์เก็ตจะมีทั้งแอ๊ปที่แจกให้ดาวน์โหลดฟรี และแอ๊ปที่จำเป็นต้องเสียเงินซื้อ โดยการซื้อขายนั้นผู้ขายจะได้รายได้ 70% จากราคาเต็มโดยในปัจจุบันจะมีเพียงไม่กี่ประเทศที่สามารถซื้อแอ๊ปได้ ได้แก่ ออสเตรีย ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น ฮอลแลนด์ สเปน สหราชอาณาจักร และ สหรัฐอเมริกา ส่วนแอ๊ปฟรีนั้นสามารถดาวน์โหลดได้ทุกประเทศ เว้นแต่ว่าแอ๊ปบางตัวที่ทางผู้ผลิตจำกัดประเทศของผู้ดาวน์โหลด<br />
<span class="mw-headline" id=".E0.B8.AD.E0.B9.89.E0.B8.B2.E0.B8.87.E0.B8.AD.E0.B8.B4.E0.B8.87"><span style="font-weight: bold;"></span></span><br />
<span class="mw-headline" id=".E0.B8.AD.E0.B9.89.E0.B8.B2.E0.B8.87.E0.B8.AD.E0.B8.B4.E0.B8.87"><span style="font-weight: bold;">อ้างอิง</span></span><span style="font-weight: bold;">จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี</span><br />
<span style="font-weight: bold;">เรียบเรียงใหม่โดย manman</span></div>
</div>
menmenhttp://www.blogger.com/profile/14189001714462630629noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-8422667511530601938.post-88864142384660769962011-09-23T03:37:00.000-07:002011-09-23T03:48:41.787-07:00เตือน!ระวัง ติดโทรศัพท์มือถือ อาจทำให้เป็น โรคด่วนได้<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://1.bp.blogspot.com/_u5qZS0tf3TM/S7A3Wm3E9MI/AAAAAAAAADs/KmpiVrQH96M/s1600/1238225283.jpg"><img style="float: left; margin: 0pt 10px 10px 0pt; cursor: pointer; width: 204px; height: 268px;" src="http://1.bp.blogspot.com/_u5qZS0tf3TM/S7A3Wm3E9MI/AAAAAAAAADs/KmpiVrQH96M/s1600/1238225283.jpg" alt="" border="0" /></a><span style="font-weight: bold;">นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกรมสุขภาพจิต</span><br /><div style="text-align: justify;"><span style="color: rgb(0, 0, 0);">กล่าวถึงกรณีหนังสือพิมพ์รายวันของสเปนรายงานว่า ผู้ปกครองนำเด็กอายุ 12 ปี เข้ารับการรักษาโรค </span><strong style="color: rgb(0, 0, 0);">"เสพติดโทรศัพท์มือถือ"</strong><span style="color: rgb(0, 0, 0);"> ในโรงพยาบาลจิตเวชเป็นรายแรก เนื่องจากขาดมือถือไม่ได้ จนไม่เป็นอันเรียนหนังสือ ว่า วัยรุ่นเป็นวัยที่ชอบพูดชอบคุย อยากสร้างสัมพันธภาพกับเพื่อน จึงพบพฤติกรรมใช้โทรศัพท์เกินความจำเป็น บางคนเสียค่าโทรเดือนละ 10,000-20,000 บาท พ่อแม่ผู้ปกครองควรดูแลการใช้โทรศัพท์ของลูกด้วย เพราะมือถือสามารถเข้าถึงการดาวโหลดรูปภาพหรือเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมได้</span> <span style="color: rgb(0, 0, 0);">นอกจากนี้ โทรศัพท์มือถือยังบ่มเพาะให้เกิดพฤติกรรม <strong>"โรคด่วนได้"</strong> คือ รออะไรไม่ได้ เพราะมือถือสามารถส่งข้อความสั้นหรือเอสเอ็มเอสได้ภายในไม่กี่นาที และได้รับคำตอบกลับมารวดเร็ว ต่างกับสมัยก่อนที่ใช้การเขียนจดหมาย ต้องใช้เวลารอคอยการตอบความรวดเร็วของเทคโนโลยีสมัยใหม่ทำให้คนรุ่นใหม่รอ คอยอะไรไม่เป็น อย่างไรก็ตาม ด้วยปัญหาการจราจร บางครอบครัว ต้องซื้อโทรศัพท์มือถือให้ลูกตั้งแต่ชั้นอนุบาล เพราะใช้ในการนัดหมายจุดที่พ่อแม่มารับ-ส่ง เนื่องจากไม่มีที่จอดรถรับ-ส่ง</span> <span style="color: rgb(0, 0, 0);"><span style="font-weight: bold;">โฆษกกรม สุขภาพจิต</span>กล่าวถึงสภาพสังคมไทยที่พ่อแม่ต้องมาทำงานที่อื่นและใช้โทรศัพท์ มือถือเพื่อพูดคุยกันว่า กรณีนี้เป็นสิ่งที่ดีในการสร้างสัมพันธ์พ่อแม่ลูก การได้ยินเสียงพ่อแม่หรือลูกทำให้ชื่นใจ หายคิดถึง ลดความเครียดจากความวิตกกังวลเป็นห่วงได้ แต่ขอให้พิจาณาที่ความเหมาะสมว่า ลูกรู้จักรับผิดชอบได้หรือไม่ ต้องไม่กระทบค่าใช้จ่าย การใช้เวลาว่าง สำหรับเด็กวัยอนุบาลคิดว่า ไม่สนใจเล่นมือถือ ขณะที่เด็กวัยรุ่นจะสนใจฟังชั่นก์ต่าง ๆ มากกว่าเด็กเล็ก </span> <span style="color: rgb(0, 0, 0);">นพ.ทวี ศิลป์ กล่าวด้วยว่า มีพ่อแม่ปรึกษาเรื่องลูกวัยรุ่นติดโทรศัพท์มานานแล้ว แต่จำนวนไม่มากโดยเป็นพฤติกรรมติดโทรศัพท์ในระดับมัธยมศึกษา อายุ 2-3 ขวบยังไม่พบ ทั้งนี้ มีผลการวิจัยในต่างประเทศ พบว่า เด็กวัยรุ่นกลุ่มที่ใช้โทรศัพท์มือถือเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่ใช้ พบว่ากลุ่มที่ใช้มือถือ มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรมากกว่ากลุ่มไม่ใช้ ซึ่งมีการวิเคราะห์ว่า มือถือทำให้เด็กและเยาวชนสร้างสัมพันธภาพต่อกันอย่างรวดเร็ว ใกล้ชิดกัน จนนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรได้</span><br /><span style="color: rgb(0, 0, 0); font-weight: bold;">ข้อมูลจาก วิชาการ.คอม www.vcharkarn.com</span><br /><span style="color: rgb(0, 0, 0); font-weight: bold;">เรียบเรียงข้อมูลใหม่ โดย Manman</span><br /><span style="color: rgb(0, 0, 0);"></span></div><span style="font-size:85%;"><a href="http://www.vcharkarn.com/"></a></span>menmenhttp://www.blogger.com/profile/14189001714462630629noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-8422667511530601938.post-89373258070319551742011-06-06T20:18:00.000-07:002011-12-29T20:29:21.811-08:00โทรศัพท์มือถือกับวิธีทำความสะอาด<div style="text-align: justify;"><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEizrXrdSH6hzdkzPCh8mhZDn_QFTqfLhIL5ZrAEbuvKEQhw_Ci1BtzIy9SXFlpzVFR6VD68M0N8llqtUeDlJaGgz9W_uN0NHiXi5Rcu312w45uxq3erL2G0l2QIkVuLgYcpxXSI9uKbKs0/s724/090114_Nokia5800.jpg"><img style="float: left; margin: 0pt 10px 10px 0pt; cursor: pointer; width: 143px; height: 270px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEizrXrdSH6hzdkzPCh8mhZDn_QFTqfLhIL5ZrAEbuvKEQhw_Ci1BtzIy9SXFlpzVFR6VD68M0N8llqtUeDlJaGgz9W_uN0NHiXi5Rcu312w45uxq3erL2G0l2QIkVuLgYcpxXSI9uKbKs0/s724/090114_Nokia5800.jpg" alt="" border="0" /></a><span style="font-weight: bold;">วิธีทำความสะอาดโทรศัพท์มือถือ ให้สะอาดอยู่เสมอ</span><br />โทรศัพท์มือถือสามารถเป็นแหล่งสะสมคราบ, สิ่งสกปรก, หรือเชื้อโรค เนื่องจากได้รับการสัมผัสขณะนำไปใช้งานในหลายสถานการ<br /><br /><span style="font-weight: bold;">ประโยชน์ของการทำความสะอาดโทรศัพท์มือถือ</span><br />ตัวเครื่องภายนอกดูสวยงาม<br />ปุ่มหรือหน้าจอสัมผัสตอบสนองได้ดีขึ้น<br />ไม่เป็นแหล่งสะสมเชื้อก่อให้เกิดโรคกับผู้ใช้<br /><br /><span style="font-weight: bold;">ก่อนทำความสะอาดโทรศัพท์มือถือ</span><br /> * ถอดแบตเตอรี่ออก หากถอดไม่ได้ให้ปิดสวิทช์หรือสั่งให้เครื่องหยุดทำงาน<br /> * หากหน้ากากหรือแป้นปุ่มถอดได้ แกะแยกออกจากตัวเครื่อง (คำเตือน: การถอด<br /><br /><br /><span style="font-weight: bold;">อุปกรณ์บางชิ้นส่วนออกอาจทำให้มือถือหมดประกัน)</span><br /> * เลือกสถานที่ที่ไม่มีไฟ, ความร้อนสูงจัด, หรือไฟฟ้าอยู่ใกล้มาก<br /> * อ่านคู่มือโทรศัพท์ ดูคำแนะนำพิเศษในการทำความสะอาด หากม<br /> * อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำความสะอาดโทรศัพท์<br /> * ขั้นตอนทำความสะอาด<br /> * หลังจากเครื่องแห้งเสร็จเรียบร้อย ประกอบชิ้นส่วนเข้าที่ และเปิดเครื่องทดลองใช้งาน หากเครื่องไม่ทำงาน รีบถอดแบตเตอร์รี่ออกทิ้งไว้สักพักก่อนทดลองใช้ใหม่อีก ครั้ง<br /><br /><br /></div>menmenhttp://www.blogger.com/profile/14189001714462630629noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-8422667511530601938.post-81851676464226710732011-05-16T17:44:00.000-07:002011-05-16T17:44:35.395-07:00สาระความรู้เรื่อง iPhone<div class="separator" style="clear: both; text-align: justify;"><a href="http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/4/49/IPhone_at_Macworld_%28angled_view%29.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="200" src="http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/4/49/IPhone_at_Macworld_%28angled_view%29.jpg" width="114" /></a></div><div style="text-align: justify;">ไอโฟน (อังกฤษ: iPhone) เป็นโทรศัพท์มือถือที่มีความสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตและมัลติมีเดีย ผลิตและจำหน่ายโดยบริษัทแอปเปิล โดยการทำงานของไอโฟนสามารถใช้งานส่งอีเมล ใช้เป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ ส่งเอสเอ็มเอส ท่องอินเทอร์เน็ตผ่านทางซอฟต์แวร์ซาฟารี ค้นหาแผนที่ ฟังเพลง และความสามารถอื่น โดยมีอุปกรณ์หลักประกอบด้วย Wi-Fi (802.11b/g) บลูทูธ 2.0 และกล้องถ่ายภาพ 2.0-megapixel ไอโฟนรุ่นแรกมีลักษณะ 2.5G quad band GSM และ EDGE และรุ่นที่สองใช้ UMTS และ HSDPA<br />
<br />
แอปเปิลได้เปิดเผยไอโฟนรุ่นแรกโดย สตีฟ จอบส์ ในงานแม็คเวิลด์ วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2550 และวางจำหน่ายครั้งแรกในสหรัฐอเมริกาวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2550 ไอโฟนได้ชื่อว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ยอดเยี่ยมประจำปีจากนิตยสารไทม์ ประจำปี 2550[2] โดยมีรุ่นถัดมาคือ ไอโฟน 3G และ ไอโฟน 3GS และรุ่นล่าสุด ไอโฟน 4 ได้เปิดตัวในวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2553<br />
<br />
การทำงานของโทรศัพท์ไอโฟนนี้จะแตกต่างจากโทรศัพท์มือถืออื่น โดยไอโฟนจะไม่มีปุ่มสำหรับกดหมายเลขโทรศัพท์ โดยการทำงานทั้งหมดจะทำงานผ่านหน้าจอโดยการสัมผัสมัลติทัชผ่านคำสั่งต่างๆ โดยมีระบบปฏิบัติการหลัก iOS และมีระบบเซ็นเซอร์ในการรับรู้สภาพของเครื่องเพื่อกำหนดการแสดงผลของจอภาพ เช่นหากวางเครื่องในแนวตั้งระบบก็จะปรับให้แสดงผลในแนวตั้ง หากวางในแนวนอนระบบก็จะแสดงผลในแนวนอน</div>อโฟนเริ่มมีวางจำหน่ายครั้งแรกเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2550 โดยร่วมมือกับเครือข่ายเอทีแอนด์ทีไวร์เลสส์ (ในขณะนั้นในชื่อ ซิงกิวลาร์ไวร์เลสส์) โดยก่อนวันจำหน่ายร้านแอปเปิลได้ปิดร้านในช่วง 14 นาฬิกาเพื่อเตรียมตัวขายไอโฟนในเวลา 18 นาฬิกาตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งมีผู้ใช้รอคิวเข้าซื้อเป็นจำนวนมาก โดยทางแอปเปิลขายไอโฟนได้ 270,000 เครื่อง ในช่วง 30 ชั่วโมงแรกที่เปิดจำหน่าย โดยในปัจจุบันไอโฟนรุ่นแรกมีวางจำหน่ายในหกประเทศได้แก่ ไอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี ออสเตรีย และสหรัฐอเมริกา<br />
<br />
โดยในวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 ไอโฟนรุ่นใหม่ หรือที่รู้จักในชื่อ ไอโฟน 3G จะมีการวางจำหน่ายใน 22 ประเทศ ซึ่งรวมถึง 6 ประเทศที่มีวางจำหน่ายแล้ว และหลังจากนั้นจะมีวางจำหน่ายเพิ่มขึ้นอีกใน 48 ประเทศทั่วโลก รวมเป็นทั้งหมด 70 ประเทศ โดยในอาเชียนจะมีประเทศสิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ที่มีการจำหน่ายไอโฟนอย่างเป็นทางการ โดยในสหรัฐอเมริกานั้น ผู้ซื้อไอโฟนรุ่นใหม่จำเป็นต้องจดสัญญากับเอทีแอนด์ทีเป็นระยะเวลาสองปี<br />
<br />
ประเทศไทยเริ่มมีการวางจำหน่ายไอโฟน 3G ในวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2552 โดยทรูมูฟ เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์การจำหน่ายเป็นรายแรกในประเทศไทย และมีงานเปิดตัวระหว่างวันที่ 16-18 มกราคม พ.ศ. 2552 ณ รอยัลพารากอนฮอลล์ สยามพารากอนและดีแทคเป็นรายที่สองที่ได้สิทธิ์การจัดจำหน่าย โดยมีการเปิดตัวพร้อมจำหน่ายเครื่องวันแรก เมื่อวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2553 ณ ลานพาร์กพารากอน สยามพารากอน<br />
<br />
และในวันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2553 เวลา 0.00 น. ไอโฟน 4 ได้เปิดตัวในประเทศไทย โดยทรูมูฟ , ดีแทค และ AIS เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์การจำหน่ายในประเทศไทยmenmenhttp://www.blogger.com/profile/14189001714462630629noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-8422667511530601938.post-25937970562426738242011-03-16T01:50:00.000-07:002011-09-05T18:58:46.506-07:00สุขภาพเคล็ดลับ ของคนขาเม้าส์โทรศัพท์นาน<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://3.bp.blogspot.com/_xdFjDMqs7oM/SqfHMsq3NSI/AAAAAAAAAb0/nFyqEcFWnQ0/s320/untitled1.bmp"><img style="float: left; margin: 0pt 10px 10px 0pt; cursor: pointer; width: 177px; height: 231px;" src="http://3.bp.blogspot.com/_xdFjDMqs7oM/SqfHMsq3NSI/AAAAAAAAAb0/nFyqEcFWnQ0/s320/untitled1.bmp" alt="" border="0" /></a><span style="font-weight: bold;">เคล็ดลับสุขภาพ</span> ของคนขาเม้าส์โทรศัพท์นานการคุยโทรศัพท์นาน ๆ เป็นเรื่องปกติของวัยรุ่นสมัยนี้เสียแล้ว แต่มันส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเรา วันนี้เลยมีเคล็ดลับดูแลสุขภาพมาฝากเวลาที่คุยโทรศัพท์นาน ๆ แล้วเคยสังเกตหรือไม่ว่าเกิดอะไรผิดปกติบ้าง เพราะสมัยนี้การคุยโทรศัพท์นาน ๆ เป็นเรื่องธรรมดาสามัญสำหรับวัยรุ่นยุคนี้ไปเสียแล้ว โดยที่ไม่เคยคำนึงว่าการบริโภคการสื่อสารมากเกินไป นอกจากจะส่งผลให้เกิดพฤติกรรมอันเคยชิน และบางทียังส่งผลต่อสุขลักษณะอนามัยด้วย โดยส่วนมากจะมีอาการร้อนหู หรือมีเลือดผสมหนองไหลออกมาจากหูเลยทีเดียว...<br /><br />สาเหตุของอาการนั้น มาจากการคุยโทรศัพท์มือถือติดต่อกันเป็นเวลานาน ทำให้ติดเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ง่าย เพราะความร้อนจากโทรศัพท์จะเข้าไปอยู่ในหู ทำให้เกิดอาการคัน ซึ่งเมื่อเกิดอาการแล้ว ตัวเรายังคงแคะ หรือเกาก็จะทำให้ผิวหนังเป็นแผล ดังนั้นเชื้อโรคต่าง ๆ จึงสามารถเข้าสู่แผลได้ง่ายขึ้น ทำให้ช่องหูเป็นสิวหรืออักแสบได้ นอกจากนี้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากโทรศัพท์ ยังเป็นตัวการทำลายเส้นประสาทในรูหู และเซลล์สมองอีกด้วย อาจทำให้เกิดเนื้องอกขึ้นมาได้ในที่สุด<br /><br />วิธีป้องกันก็ง่ายมาก โดยหันมาใช้สมอลล์ทอล์ค หรือบูลทูธแทน เนื่องจากจะช่วยป้องกันคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้ จากนั้นให้นำสำลีจุ่มแอลกอฮอล์ เช็ดทำความสะอาดโทรศัพท์มือถือวันละ 2 ครั้ง เพื่อเป็นการฆ่าเชื้อโรค<br /><br />ทั้งนี้ ยังมีเหตุจากหูฟังด้วย จากการใช้ฟังเพลงติดต่อเป็นเวลานาน ทำให้เกิดความดันของคลื่นเสียง ซึ่งจะทำลายเซลล์ประสาทหูและเซลล์ขนในหู แล้วถ้าได้ยินเสียงเหมือนแมงหวี่ร้อง หรือเสียงวิทยุจนผิดคลื่นตลอดเวลา ก็แสดงว่าเริ่มมีอาการประสาทรับเสียงเสื่อม<br /><br />นอกจากนี้หูฟังที่ใช้ยังเป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อโรค ซึ่งจะทำให้เป็นโรคหนองในหู และการอักแสบในช่องหูได้อีกด้วย ทางที่ดีควรเปิดเพลงในเครื่องเล่น ด้วยระดับความดังแค่ครึ่งเดียว ไม่ควรเปิดดังจนเกินไป และควรเลือกสถานที่ รวมทั้งเวลาในการฟังเพลงให้เหมาะสม เพื่อให้หูได้หยุดพักบ้าง และเหนือสิ่งอื่นใด ควรหลีกเลี่ยงการใช้หูฟังร่วมกับผู้อื่น เพราะอาจจะทำให้ติดเชื้อโรคได้ ทั้งยังต้องหมั่นดูแลทำความสะอาดหูฟังอยู่เป็นประจำอีกด้วย<br /><br />อย่างไรก็ตาม เราควรที่จะใช้โทรศัพท์มือถือ เครื่องเล่นเพลงเอ็มพี 3 ฯลฯ ให้เหมาะสม ไม่มากจนเกินไป และดูแลสุขลักษณะให้ดีเป็นพิเศษ เพื่อปิดกั้นช่องทางของโรคต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ และเพื่อสุขภาพที่ดีของเราตลอดไป...menmenhttp://www.blogger.com/profile/14189001714462630629noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-8422667511530601938.post-21785447998311528542011-02-10T01:56:00.000-08:002011-02-10T01:56:13.734-08:00iPhone 3GS ความสุดยอดที่คุณควรรู้ก่อนซื้อ<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://www.fairlightfarm.co.uk/wp-content/uploads/2010/08/iphone4.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="104" src="http://www.fairlightfarm.co.uk/wp-content/uploads/2010/08/iphone4.jpg" width="200" /></a></div><b><span style="color: #cc0000;">ในที่สุด iPhone 3GS</span></b> ก็เข้ามาสู่ประเทศไทยโดย TrueMove แล้ว รายละเอียดนั้นสามารถอ่านได้ที่นี่ TrueMove เปิดตัว iPhone 3GS นี่ก็นับเป็นรุ่นที่ 3 สำหรับ iPhone แล้วหลังจากเปิดตัว รุ่นแรกในปี 2007 โดยทาง Apple นั้นได้รับรองว่ารุ่นใหม่นั้นเร็วและทรงพลังกว่า iPhone 3G แน่นอน สิ่งที่เหมือนกันก็มีแค่เพียงรูปลักษณ์ภายนอกที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย ดังนั้นเพื่อเป็นการ โหมกระแส iPhone 3GS เรามารู้จักกับ 10 สิ่งสุดยอด<br />
ที่คุณควรจะรู้เอาไว้ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อกันครับ <br />
<span id="more-965"></span><br />
<ol><li><span style="color: red;"><strong>มันเร็วขึ้น</strong></span> ทาง Apple นั้นได้ออกมาประกาศเอาไว้ว่ามันเร็วกว่า iPhone 3G ถึง หนึ่งเท่าตัวเลยทีเดียว ส่งผลให้การเรียกใช้งานโปรแกรมต่างๆ ตลอดไปจนถึงการปิดโปรแกรม นั้นเป็นไปอย่างรวดเร็วไม่อืดอาด ให้เราต้องหงุดหงิด</li>
<li><span style="color: red;"><strong>มีความจุที่เพิ่มขึ้น</strong></span> Apple นั้นจะขาย iPhone 3GS อยู่เพียงสองแบบก็คือแบบ 16GB และ 32GB ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงจากที่เคยขายในความจุ 4GB, 8GB และ 16GB เท่านั้น</li>
<li><span style="color: red;"><strong>ถ่ายวิดีโอได้</strong></span> โดยทั่วไปแล้วการที่เราจะทำการถ่ายวิดีโอนั้น เราจำเป็นที่จะต้องหาโปรแกรมเสริมเข้ามาช่วยเพื่อที่จะให้สามารถถ่ายวิดีโอ ได้ เพราะใน iPhone รุ่นก่อนหน้านี้ ไม่มีลูกเล่นนี้ติดมาให้ด้วย แต่ในรุ่นล่าสุดนี้ มันกลายเป็น ลูกเล่นใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้าไป ดังนั้นมันต้องเจ๋งแน่นอน</li>
<li><strong><span style="color: red;">กล้องมีความละเอียดเพิ่มขึ้น</span></strong> ในรุ่นก่อนหน้านี้กล้องที่ติดมากับ iPhone นั้นจะมีความละเอียอดสุงสุดที่ 2 Mega Pixel เท่านั้น แถมยังไม่มีระบบ Auto Focus อีกต่างหาก แต่ในรุ่น 3GS นี้ กล้องได้ถูกปรับปรุงให้มีความสามารถในการถ่ายภาพได้ถึง 3 Mega Pixel และที่สำคัญก็คือมี “ระบบ Auto Focus” มาให้อีกด้วย</li>
<li><span style="color: red;"><strong>ระบบสั่งงานด้วยเสียง (Voice Control)</strong></span> ระบบนี้เป็นสิ่งที่ถูกเพิ่มเข้ามาใหม่ใน iPhone 3GS ลองนึกดูนะครับ มันจะดีแค่ไหนถ้าเราสามารถสั่งให้มัน เล่นเพลงได้ โดยแค่เรา พูดกรอกลงไปกับเครื่อง ไม่ต้องกดปุ่มอะไร แค่พูดว่า “เปิดเพลง” ทำนองเนี้ย แจ่มมั้ยละ หรือจะเป็นการโทรออกโดยใช้เสียง นึกอยากจะโทรหาใครก็ แค่ ยก ขึ้นมาแล้วพูดว่า “น้องแนท” แค่นี้ มันก็จะโทรหาน้องแนทให้ ชีวิตเราง่ายขึ้นอีกตั้งเยอะเลยนะเนี้ย</li>
<li><span style="color: red;"><strong>มีเข็มทิศให้ใช้ด้วย</strong></span> นี่คือระบบเข็มทิศแบบดิจิตอล ซึ่งเป็นลูกเล่นใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามาในรุ่นนี้ ซึ่งถ้าได้เอามาใช้ร่วมกับ Google Map ละก็มันจะช่วยให้คุณดูแผนที่ได้ง่ายขึ้นมากทีเดียว จะได้ไม่ต้องหลงทิศ อีกต่อไป</li>
<li><span style="color: red;"><strong>สามารถแชร์อินเตอร์เนทให้คอมพิวเตอร์ใช้งานได้</strong></span> ระบบนี้เราจะเรียกมันว่า “<strong>Internet Tethering</strong>“ ซึ่งมันจะทำตัวมันเองให้ทำงานคล้าย Modem ซึ่งจะเชื่อมต่อผ่านสาย USB หรือจะเป็น Bluetooth ก็ได้ แค่นี้เราก็จะสามารถแชร์เนทไปให้ Mac หรือ PC ที่เราต้องการได้แล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์มือถือที่ ท่านใช้งานอยู่ ว่ารับรองกับระบบนี้หรือไม่</li>
<li><span style="color: red;"><strong>ความสะดวกในการใช้งานที่เพิ่มขึ้น</strong></span> ทาง Apple ได้เพิ่มฟังค์ชั่นที่จะช่วยให้เราใช้งานได้สะดวกขึ้น อาทิเช่น ระบบ VoiceOver ที่จะคอยอ่านข้อความที่อยู่บนจอภาพให้ออกมาเป็นเสียง หรือจะเป็นระบบ zoom ที่ทำให้เรา zoom เข้าไปได้ถึง 5 ครั้ง และระบบปรับสภาพ contrast จออัตโนมัติในกรณีที่ต้องอ่านข้อความสีขาว บนพื้นสีดำ</li>
<li><span style="color: red;"><strong>ใช้งาน Nike+ iPod ได้ด้วย</strong></span> โดยก่อนหน้านี้ระบบนี้ได้ถูกนำเข้าไปใช้งานกับ iPod Nano ก่อนแล้ว โดยมันจะใช้งานร่วมกับรองเท้า Nike ที่สนับสนุนการทำงาน Nike+ ซึ่งจะส่งผ่านข้อมูลทาง Bluetooth ทำให้เรารู้ว่าเราวิ่งได้ระยะทางแค่ไหน เสียพลังงานไปเท่าไหร่ แล้วมันจะตีออกมาเป็นสถิติให้</li>
<li><strong><span style="color: red;">หูฟังแบบใหม่</span></strong> โดยหูฟังแบบใหม่นี้จะมีปุ่มแบบ multi-button ซึ่งทำให้เราสามารถปรับเสียง ดัง-ค่อย ได้ ซึ่งหูฟังในรุ่นหน้านี้จะไม่สามารถทำได้</li>
</ol>ถ้าซื้อ iPhone 3GS มาแล้วก็อย่าลืมใช้ข้อดีและลูกเล่นใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามาด้วยนะครับ จะได้คุ้มๆ กับค่าตัวที่ต้องเสียไปนะครับmenmenhttp://www.blogger.com/profile/14189001714462630629noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-8422667511530601938.post-50746192742985589582011-01-10T02:32:00.000-08:002011-01-10T02:32:59.590-08:00ประวัติของ โทรศัพท์มือถือ<div class="separator" style="clear: both; text-align: justify;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhOTWjV85Vy88f2a-e8BXXT82AMmLvTdn-5_zq2I6vISYnK7uq_PYFopA8bGe7UHjwueraibktvWZls73HVjfODZZHU7ga4Thyphenhyphen998MYE4oT4HeSMBB8CBW1pUKIxQJQni9TTfYuutY1pdzs/s400/Oho-idea.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="200" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhOTWjV85Vy88f2a-e8BXXT82AMmLvTdn-5_zq2I6vISYnK7uq_PYFopA8bGe7UHjwueraibktvWZls73HVjfODZZHU7ga4Thyphenhyphen998MYE4oT4HeSMBB8CBW1pUKIxQJQni9TTfYuutY1pdzs/s200/Oho-idea.jpg" width="200" /></a></div>"<b style="color: red;">โทรศัพท์มือถือ</b> หรือ โทรศัพท์เคลื่อนที่ เป็นอุปกรณ์สื่อสารอิเลคทรอนิคส์ลักษณะเดียวกับโทรศัพท์บ้านแต่ไม่ต้องการ สายโทรศัพท์จึงทำให้สามารถพกพาไปที่ต่างๆได้ โทรศัพท์มือถือใช้คลื่นวิทยุในการติดต่อกับเครือข่ายโทรศัพท์มือถือโดยผ่าน สถานีฐาน โดยเครือข่ายของโทรศัพท์มือถือแต่ละผู้ให้บริการจะเชื่อมต่อกับเครือข่ายของ โทรศัพท์บ้านและเครือข่ายโทรศัพท์มือถือของผู้ให้บริการอื่นๆ<br />
<br />
โทรศัพท์ มือถือในปัจจุบันนอกจากจะมีคุณสมบัติในการสื่อสารทางเสียงแล้วยังมีความ สามารถอื่นอีกเช่นสนับสนุนการสื่อสารด้วยข้อความ เช่น SMS ,การเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต, การสื่อสารด้วยแบบ Multimedia เช่น MMS, นาฬิกา, นาฬิกาปลุก, นาฬิกาจับเวลา, ปฏิทิน, ตารางนัดหมาย, สเปรดชีต, โปรแกรมประมวลผลคำ, รวมไปถึงความสามารถในการรองรับแอปพลิเคชันของจาวาเช่น เกมส์ต่างๆได้<br />
<br />
โทรศัพท์มือถือ หรือ โทรศัพท์เคลื่อนที่ เป็นอุปกรณ์สื่อสารอิเลคทรอนิคส์ลักษณะเดียวกับโทรศัพท์บ้านแต่ไม่ต้องการ สายโทรศัพท์จึงทำให้สามารถพกพาไปที่ต่างๆได้ โทรศัพท์มือถือใช้คลื่นวิทยุในการติดต่อกับเครือข่ายโทรศัพท์มือถือโดยผ่าน สถานีฐาน โดยเครือข่ายของโทรศัพท์มือถือแต่ละผู้ให้บริการจะเชื่อมต่อกับเครือข่ายของ โทรศัพท์บ้านและเครือข่ายโทรศัพท์มือถือของผู้ให้บริการอื่นๆ<br />
โทรศัพท์มือถือในปัจจุบันนอกจากจะมีคุณสมบัติในการสื่อสารทางเสียงแล้วยังมีความสามารถอื่นอีกเช่นสนับสนุนการสื่อสารด้วยข้อ ความ เช่น SMS ,การเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต, การสื่อสารด้วยแบบ Multimedia เช่น MMS, นาฬิกา, นาฬิกาปลุก, นาฬิกาจับเวลา, ปฏิทิน, ตารางนัดหมาย, สเปรดชีต, โปรแกรมประมวลผลคำ, รวมไปถึงความสามารถในการรองรับแอปพลิเคชันของจาวาเช่น เกมส์ต่างๆได้<br />
<br />
<b style="color: red;">วิวัฒนาการของโทรศัพท์มือถือ</b><br />
1G ระบบโทรศัพท์มือถือแบบ analog ระบบที่จัดอยู่ในยุคนี้เช่น NMT, AMPS, DataTac<br />
2G ระบบโทรศัพท์มือถือแบบ digital ระบบที่จัดอยู่ในยุคนี้เช่น GSM, cdmaOne, PDC<br />
2.5G ระบบโทรศัพท์มือถือแบบ digital ที่เริ่มนำระบบ packet switching มาใช้ ระบบที่จัดอยู่ในยุคนี้เช่น GPRS<br />
2.75G ระบบที่จัดอยู่ในยุคนี้เช่น CDMA2000 1xRTT, EDGE<br />
3G ระบบโทรศัพท์มือถือแบบ digital ที่มีความสามารถครบทั้งการสื่อสารด้วยเสียงและข้อมูลรวมถึงวีดิโอ ระบบที่จัดอยู่ในยุคนี้เช่น W-CDMA, TD-SCDMA<br />
3.5G ระบบโทรศัพท์มือถือแบบ digital ที่มีความเร็วในการส่งข้อมูลสูงขึ้นกว่า 3G เช่น HSDPA ใน W-CDMA<br />
4G ระบบโทรศัพท์มือถือที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาและทดสอบ เชื่อกันว่าโทรศัพท์มือถือในยุคนี้จะสามารถสนับสนุน แอปพลิเคชันที่ต้องการแบนด์วิธสูงเช่น ความจริงเสมือน 3 มิติ (3D virtual reality) หรือ ระบบวิดีโอที่โต้ตอบได้ (interactive video) เป็นต้น[1]<br />
<br />
<b style="color: red;">ระบบปฏิบัติการมือถือ</b><br />
ซิมเบียน ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ในค่ายโนเกีย<br />
วินโดวส์โมบาย จะใช้กับโทรศัพท์มือถือที่เป็น PDA (Personal digital assistants)<br />
ไอโฟน โอเอส ใช้เฉพาะใน ไอโฟน และ ไอพอดทัช"menmenhttp://www.blogger.com/profile/14189001714462630629noreply@blogger.com